อาหารตามสั่ง แจก 16 เมนูอาหารจานเดียว เมนูสร้างอาชีพ
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า หากเอ่ยถึงเมนูสร้างอาชีพ คงไม่มีอะไรที่ทำง่าย..ขายดี เหมือนกับ 'อาหารตามสั่ง' อย่างแน่นอน!
อาหารตามสั่งที่หลายคนบอกว่า เป็นเมนูสิ้นคิด.. แต่ก็พิชิตความหิวได้ทุกมื้อ เป็นอาหารจานเดียว..จานด่วน ที่เราทุกคนสั่งกินทุกวันได้ไม่มีเบื่อ เพราะไม่ได้มีแค่เมนูเดียวเท่านั้น แต่อาหารตามสั่งนั้นจะหมุนเวียนเปลี่ยนไป ซึ่งมีให้เลือกครอบคลุมทั้งเมนูต้ม ผัด แกง ทอด และสามารถนำวัตถุดิบมาพลิกแพลงปรับเปลี่ยนสูตรได้ไม่รู้จบ ตามแต่กุ๊ก, เชฟ, เจ้าของร้าน หรือคนปรุงจะรังสรรค์แต่ละเมนู
เพราะฉะนั้น วันนี้เราจึงได้รวมสูตรอาหารตามสั่งยอดฮิต ที่หลายคนสั่งเลยไม่ต้องคิด โดยเฉพาะกลุ่มคนวัยทำงาน ที่เน้นความสะดวกรวดเร็วในการบริโภค แต่ก็ต้องการสัมผัสรสชาติความอร่อย และราคาไม่แพงด้วยเช่นกัน
ส่วนจะมีเมนูอาหารตามสั่งยอดฮิตอะไรบ้าง ที่น่าทำกินอิ่มอร่อย ทำง่าย ๆ ได้ที่บ้าน และเหมาะแก่การเปิดร้านทำขาย หรือสามารถขายออนไลน์ จัดเสิร์ฟใส่กล่อง จัดส่ง Delivery สร้างเงิน.. สร้างงาน.. สร้างอาชีพในช่วงหยุดอยู่บ้านแบบนี้ ชวนเพื่อน ๆ ไปติดตามกันได้เลย
1. ข้าวผัดกะเพรา
ทำกินง่ายสไตล์ประหยัด... จัดเป็นเมนูขายก็รวยๆๆ ด้วยสูตรข้าวผัดกะเพรา ที่ใคร ๆ ก็ลงมือผัดเองได้ แค่มีอุปกรณ์และวัตถุดิบไม่กี่อย่าง!!! ดังนั้นสูตรกะเพรา หรือข้าวผัดกะเพรา อาหารตามสั่งประจำวันนี้จึงมีวิธีการทำในแบบง่าย ๆ ที่เชื่อว่าใครจะทำกินที่บ้านก็สบาย หรือจะเอาไปทำขายก็รวยๆๆ ในแบบที่ไม่ยาก เพียงแค่เตรียมอุปกรณ์ และวัตถุดิบตามนี้วัตถุดิบและเครื่องปรุง
(สำหรับเป็นกับข้าว 1 จาน รับประทาน 2 คน)
- กระทะ/ตะหลิว/เตาแก๊สหรือเตาไฟฟ้า
- เนื้อสัตว์ตามชอบ (หมึก/หมู/เนื้อ/ปลา/ไก่/กุ้ง) 200 กรัม
- กระเทียมจีน 3-4 กลีบ
- พริกจินดาแดง 4 เม็ด
- น้ำมันพืชสำหรับผัด 1 1/2 ช้อนโต๊ะ
- ซอสหอยนางรม 1 1/2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา
- ใบกะเพรา 15-20 ใบ
- น้ำสต็อก 3 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ
- ตั้งกระทะ พร้อมเทน้ำมันพืชลงไป กระทะเริ่มร้อน ใส่กระเทียมและพริกตำ ผัดเร็ว ๆ จนได้กลิ่นหอม (ระวังอย่าให้ไฟแรงจนกระเทียมไหม้)
- ตามด้วยเนื้อสัตว์ผัดพอสุก ปรุงรสด้วยซอสหอยนางรม น้ำปลา และน้ำตาลทราย ผัดให้ทุกอย่างเข้ากัน
- จากนั้นเติมน้ำสต็อกลงไปให้พอขลุกขลิก แล้วใส่ใบกะเพราลงไปผัดพอให้ใบกะเพราสะดุ้งไฟเล็กน้อย เพื่อให้กลิ่นของน้ำมันระเหยหอมในใบกะเพราออก ก็ปิดไฟตักเสิร์ฟได้เลย
2. ข้าวผัดหมู
ซึ่งสูตรข้าวผัดหมูที่นำมาฝากทุกท่านในวันนี้ก็คือ ข้าวผัดหมูสูตรโบราณ ข้าวผัดหมูตามสั่ง ที่ผสมผสานรสชาติและความหลากหลาย ด้วยการใส่ผักสดนานาชนิด ที่มีในร้านลงไป เพื่อให้ข้าวผัดมีสีสันสวยงาม ไม่ต้องเอาข้าวค้างคืนมาทำ เพราะข้าวไม่จำเป็นต้องเรียงเม็ดหรือแห้งจนเกินไปเหมือนสไตล์ข้าวผัดจีน แต่สิ่งหนึ่งที่ข้าวผัดหมูนั้นแทบจะไม่แตกต่างกันเลย ก็คือการใช้ไฟแรงในการผัด เพื่อให้ข้าวออกมามีกลิ่นหอมของกระทะนั่นเอง- ข้าวสวย 200 กรัม
- เนื้อหมูตามชอบ 50-80 กรัม
- น้ำมันพืชสำหรับผัด 1 ช้อนโต๊ะ
- กระเทียมสับ 1 กลีบ
- มะเขือเทศครึ่งลูก
- หอมใหญ่ 1/4 หัว
- ผักคะน้า 1-2 ต้นเล็ก
- ผักชี หรือต้นหอมซอย (สำหรับตกแต่ง)
- น้ำปลา 1 ช้อนชา
- ซอสปรุงรส 2 ช้อนชา
- น้ำตาลทราย 1/4 ช้อนชา
- น้ำมันหอย 1 ช้อนชา
- ซีอิ๊วดำเล็กน้อย (เพื่อแต่งสี เพิ่มสี และเพิ่มความหอมให้กับข้าวผัดมากขึ้น)
- พริกน้ำปลา (กระเทียมจีนซอยตามยาว 2 กลีบ, น้ำมะนาว 3 ช้อนชา, น้ำปลา 2 ช้อนชา, พริกขี้หนูซอย 3-4 เม็ด)
- แตงกวา 1 ลูก (สำหรับเคียงเพื่อตัดเลี่ยน)
- ไข่ไก่ 1 ฟอง
วิธีทำ
- เริ่มจากตั้งกระทะใส่น้ำมัน และกระเทียมสับลงผัด ใส่หมูลงไปผัดจนเริ่มสุก ใส่ไข่ตามลงไปแล้วขยี้ให้ไข่แตกทั่ว ๆ ผัดต่อจนไข่เริ่มสุก
- ใส่ข้าวลงไป ผัดต่อให้เข้ากัน แล้วจึงปรุงรสด้วย น้ำปลา ซอสปรุงรส น้ำตาลทราย
- ผัดจนเข้ากัน เร่งไฟให้แรง แล้วจึงใส่ผักคะน้า หอมใหญ่ และมะเขือเทศ ผัดจนกระทั่งผักใกล้สุก ใส่น้ำมันหอย และซีอิ๊วดำ ผัดเร็ว ๆ แล้วปิดไฟตักลงจานเสิร์ฟ
- ตกแต่งด้วยผักโรย หากใครชอบพริกไทย จะโรยพริกไทยป่นเล็กน้อยก็สามารถทำได้ เสิร์ฟคู่กับผักเคียงอย่างแตงกวา และพริกน้ำปลา
3. ข้าวราดคะน้าหมูกรอบ
แม้จะเป็นเมนูอาหารตามสั่งที่ดูแคลอรี่สูง อาจไม่ค่อยเหมาะกับผู้ที่กำลังลดน้ำหนักสักเท่าไหร่ แต่เชื่อว่าสำหรับร้านค้าแล้ว เมนูข้าวราดคะน้าหมูกรอบจะต้องเป็นเมนูฮิต ขายดีติดอันดับต้น ๆ และตราตรึงใจผู้บริโภคตลอดกาลแน่นอน หากว่าร้านนั้นสามารถทำหมูกรอบออกมาอร่อย และผัดคะน้าออกมาได้สุกกำลังดี และไม่เหม็นเขียวสูตรหมูกรอบ (สูตรตากแดดแบบโบราณ)
วัตถุดิบสำหรับทำหมูกรอบ
- หมูสามชั้น 1.5 กิโลกรัม
- เกลือ 4 1/2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำเปล่า 2.5 ลิตร
- น้ำมันปาล์ม (สำหรับทอด) 500 ml. (หรือจะใช้หม้อทอดไร้น้ำมันก็สามารถทำได้)
วิธีทำหมูกรอบ
- ตั้งน้ำใส่เกลือ และรอจนน้ำเดือด จากนั้นนำหมูลงต้ม วางด้านที่เป็นหนังลงก้นหม้อ ต้มประมาณ 40-45 นาที
- เมื่อครบเวลาและหนังหมูเริ่มนุ่ม นำหมูขึ้นพักพออุ่น ใช้ส้อมจิ้มด้านที่เป็นหนังจนทั่ว
- จากนั้นนำหมูวางบนตะแกรงตากแดดจนหนังหมูพอตึง และเริ่มแห้ง ด้านละครึ่งชั่วโมง
- ตั้งกระทะใส่น้ำมันรอจนกระทั่งน้ำมันเดือด นำหมูลงทอด โดยใช้ที่คีบจับไว้ และทอดจากด้านหนังหมูก่อน แต่พยายามไม่ให้หนังแนบลงกับก้นกระทะ ทอดจนหนังเริ่มขึ้นฟู แล้วจึงกลับด้านซ้ายขวา ทอดต่อจนกระทั่งเหลืองกรอบ จากนั้นนำขึ้นพักบนตะแกรง ห้ามตากลม
- รอจนหมูหายร้อน จึงค่อยหั่นชิ้นขนาดพอดีคำในปริมาณที่ต้องการนำไปใช้ แต่ถ้าใช้ไม่หมดยังไม่จำเป็นต้องหั่น สามารถเก็บใส่ช่องฟรีสไว้อุ่นใช้ได้อีกในครั้งต่อไป
สูตรผัดคะน้าหมูกรอบ
เริ่มจากการเลือกผักคะน้า ให้เลือกผักคะน้าที่มีลักษณะอ่อน ก้านใหญ่ สีไม่เขียวเข้มเกินไป เพราะถ้าหากคะน้ามีสีเขียวเข้ม นั่นแปลว่าเป็นคะน้าแก่แล้ว ซึ่งถ้าหากเอามาทำ อาจจะทำให้ผัดผักออกมามีรสขม และเหม็นเขียวได้ ส่วนใครที่ชอบรับประทานแบบก้าน ก็ให้ปอกเปลือกออกเสียก่อน จะได้ไม่เป็นเสี้ยนเวลารับประทาน
วัตถุดิบ
- คะน้าอ่อน หั่นท่อนยาว 2 นิ้ว 3 ถ้วย
- กระเทียมไทยบุบ 4 เม็ด หรือกระเทียมจีนสับ 1 ช้อนโต๊ะ
- พริกจินดาแดง 2-3 เม็ด หรือพริกขี้หนูสวนบุบ 6-8 เม็ด
- น้ำปลา 1 ช้อนชา
- น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา
- น้ำมันหอย 2 ช้อนโต๊ะ
- เต้าเจียว 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำเปล่า 3 ช้อนโต๊ะ
- น้ำมันสำหรับผัด 2 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ
- นำคะน้า หมูกรอบ น้ำปลา น้ำตาลทราย น้ำมันหอย เต้าเจี้ยว น้ำมันหอย น้ำเปล่า ใส่จานรอไว้ โดยใส่เครื่องปรุง พริก และกระเทียมไว้ด้านบนสุด
- ตั้งกระทะรอจนน้ำมันร้อนจัดด้วยไฟแรง แล้วจึงเทส่วนผสมทั้งหมดลงผัดแบบเร็ว ๆ จนกระทั่งคะน้าสุก ตักเสิร์ฟ (หากมีก้านและใบคละกัน ควรนำก้านลงผัดก่อน แล้วจึงค่อยนำส่วนใบลงผัดทีหลัง เพื่อให้คะน้าสุกทั่วเท่ากันโดยไม่มีกลิ่นเหม็นเขียว)
4. ผัดพริกแกงราดข้าว
นอกจากข้าวผัดกะเพราที่หลายคนมองว่าเป็นเมนูอาหารตามสั่ง ที่ไม่ว่าร้านไหนก็จะต้องมีแล้ว ขอบอกว่าผัดพริกแกงราดข้าว ก็เป็นอีกเมนูที่เป็นสุดยอดเมนูห้ามพลาดสำหรับผู้ที่ชื่นชอบรสชาติจัดจ้านเผ็ดร้อนแบบไทย ๆแต่ถ้าจะให้อร่อยดี และช่วยประหยัดเงินได้ งานนี้ก็ควรจะต้องตำพริกแกงผัด หรือพริกแกงเผ็ดเอาไว้ใช้เองด้วย จะได้ไม่ต้องกังวลเรื่องรสชาติ ความสะอาด และปลอดภัย ว่าแล้วนอกจากสูตรพริกแกง ก็มีสูตรผัดพริกแกงราดข้าวมาฝากด้วย จะได้พร้อมเสิร์ฟเมนูนี้ได้เลยทันที และสำหรับวัตถุดิบและวิธีการก็มีดังนี้
สูตรพริกแกงผัด พริกแกงเผ็ด
วัตถุดิบ
- พริกชี้ฟ้าแห้ง 5 เม็ด
- ข่าสับละเอียด 1 ช้อนชา
- ตะไคร้ซอย 1 ช้อนโต๊ะ
- ผิวมะกรูดสับ ครึ่งช้อนชา
- รากผักชีสับ 1 ช้อนโต๊ะ
- หอมแดงสับ 2 ช้อนโต๊ะ
- กระเทียมสับ 3 ช้อนโต๊ะ
- กะปิอย่างดี 1 ช้อนชา
- พริกไทยขาวเม็ด ครึ่งช้อนชา
- เกลือแกง 1 ช้อนชา
วิธีทำพริกแกง
- ใช้มีดผ่ากลางเม็ดพริกเอาเมล็ดออก จากนั้นนำไปแช่น้ำสักครู่จนพริกเริ่มนิ่ม บีบน้ำออกแล้วนำไปหั่นหยาบ ๆ
- นำใส่ครกโขลกกับเกลือจนละเอียด ใส่ข่า ตะไคร้ ผิวมะกรูด รากผักชี และพริกไทย ตามลงไป แล้วโขลกต่อจนละเอียด
- จากนั้นใส่หอมแดง กระเทียมลงโขลกต่อ เมื่อละเอียดเข้ากันดีแล้ว จึงใส่กะปิแล้วตำต่อจนเข้ากัน
- ตักใส่ภาชนะปิดฝาสนิท หรือใส่ถุงมัดปาก เก็บรักษาในตู้เย็น ได้ราว ๆ 2-3 สัปดาห์
วิธีทำผัดพริกแกงราดข้าว
วัตถุดิบที่ใช้ (สามารถใส่ได้สารพัดเนื้อสัตว์ตามชอบ)
- เนื้อสัตว์ตามชอบ 100 กรัม
- ถั่วฝักยาวหั่นท่อนพอดีคำ 100 กรัม (ใส่หรือไม่ใส่ก็ได้)
- มะเขือเปราะ 80 กรัม (ใส่หรือไม่ใส่ก็ได้)
- ใบมะกรูด 2 ใบ (1 ใบฉีก/อีก 1 ใบซอยละเอียด)
- พริกชี้ฟ้าแดงหั่นแฉลบสำหรับตกแต่ง 1 เม็ด
- พริกแกงเผ็ด 2 1/2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำปลาอย่างดี 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลทราย 2 ช้อนชา
- น้ำมันพืชสำหรับผัด 1 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ
- ใส่น้ำมันตั้งกระทะ น้ำมันเริ่มร้อน
- ใส่พริกแกงลงผัดให้ทั่วและหอมด้วยไฟกลาง
- จากนั้นใส่เนื้อสัตว์ลงผัดพอสุก ใส่มะเขือเปราะ และถั่วฝักยาวตามลงไป ผัดจนเข้ากัน หากแห้งเกินไปใส่น้ำลงไปเล็กน้อย แล้วผัดต่อ
- ปรุงรสด้วยน้ำปลา และน้ำตาล เมื่อทุกอย่างใกล้สุก ใส่ใบมะกรูดฉีก และพริกชี้ฟ้าส่วนหนึ่งลงไป
- ผัดแบบเร็ว ๆ แล้วปิดไฟ ตักเสิร์ฟ โรยหน้าด้วยมะกรูดซอย และพริกชี้ฟ้าที่เหลือ
5. ผัดซีอิ๊ว
ผัดซีอิ๊วถือเป็นเมนูอาหารเส้นยอดนิยมประจำร้านอาหารตามสั่งแทบจะทุกที่ แถมเครื่องปรุงก็ไม่ได้มีมาก วิธีการทำก็ไม่ได้ยากเย็น ใครที่ใคร่ปรุง เปรี้ยว หวาน เผ็ด เค็ม ก็สามารถเติมได้เต็มที่ตามใจชอบ แค่เวลาผัดจะต้องใช้ไฟแรง ๆ ให้ได้กลิ่นหอมของกระทะ เพื่อเพิ่มอรรถรสในการรับประทานให้มากยิ่งขึ้นวัตถุดิบ
- เส้นใหญ่ 150 กรัม (แยกเส้นใหญ่ออกจากกันทีละเส้นอย่าให้ติดกัน) หรือถ้าเลือกใช้เส้นหมี่ ก็ให้ลดปริมาณลงเล็กน้อย และนำไปแช่น้ำสักครู่ก่อนนำมาผัด
- เนื้อสัตว์ตามชอบ (ถ้าเป็นหมูหรือเนื้อให้หั่นเป็นชิ้นบาง ๆ) 100 กรัม
- ผักคะน้า (หั่นท่อน 2-3 นิ้ว นำไปลวกเร็ว ๆ แล้วแช่น้ำเย็น สะเด็ดน้ำพักไว้) 3-4 ต้น
- ไข่ไก่ 1 ฟอง
- กระเทียมสับ 2 ช้อนชา
- ซีอิ๊วดำ 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำปลา ครึ่งช้อนโต๊ะ แต่ถ้าใครไม่ชอบกลิ่นน้ำปลาจะใช้เป็นซีอิ๊วขาวแทนก็ได้ ปริมาณที่ใช้คือ 1-2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลทราย ครึ่งช้อนโต๊ะ
- น้ำมันพืช 1 ช้อนโต๊ะ
- พริกไทยป่น โรยก่อนเสิร์ฟ ใส่หรือไม่ใส่ก็ได้
วิธีทำ
- ใส่น้ำมันในกระทะ แล้วใส่กระเทียมสับตามลงไป ใช้ไฟปานกลาง เจียวกระเทียมจนเริ่มหอม
- ตามด้วยเนื้อสัตว์ลงไปผัดพอสุก ตอกไข่ลงไปขยี้ให้ไข่แตกจากกัน พอไข่เริ่มสุกจึงใส่เส้นตามลงไป
- เร่งไฟให้แรง ปรุงรสด้วยซีอิ๊วดำหวานให้ทั่ว ๆ แล้วผัดให้สีสวย ตามด้วยน้ำปลา หรือซีอิ๊วขาว และน้ำตาลทราย จากนั้นยีเบา ๆ ให้เข้ากัน
- ใส่ผักคะน้าตามลงไป ผัดให้เข้ากันอีกครั้ง ตักเสิร์ฟ โรยพริกไทยเล็กน้อย
สำหรับผัดซีอิ๊วเส้นหมี่
เวลาที่ผัดให้ใส่น้ำมันเพิ่มไปอีกสักนิด เพราะเส้นหมี่ไม่มีน้ำมันในตัวเหมือนกับเส้นใหญ่ อาจจะทำให้ติดกระทะได้ ส่วนผักคะน้า หากไม่อยากลวกก่อนผัด ก็ต้องผัดให้ผักคะน้าสุกทั่วถึงดี ไม่อย่างนั้นผักคะน้าจะเหม็นเขียวได้
6. ราดหน้า
วันนี้สูตรที่นำมาฝากจะเป็นสูตรการทำราดหน้าในแบบโบราณ ซึ่งเป็นสูตรในตำนานตั้งแต่รุ่นย่า รุ่นยาย เคยได้ให้ไว้ ซึ่งร้านอาหารตามสั่ง บางร้านก็ยังพอมีให้รับประทานอยู่บ้างวัตถุดิบ
- เส้นใหญ่ 300 กรัม
- ซีอิ๊วดำหวาน ครึ่งช้อนชา
- น้ำมันสำหรับผัดเส้น 1 ช้อนโต๊ะ
- เนื้อหมูหั่นบาง ๆ 120 กรัม (ไม่หมัก)
- คะน้าหั่นท่อน 3 ต้น
- กระเทียมสับ 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำมันหอย 1 ช้อนโต๊ะ
- ซอสปรุงรส 1 ช้อนโต๊ะ
- ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนโต๊ะ
- เต้าเจี้ยวดำ 4 ช้อนโต๊ะ (หากใครไม่ชอบสีเข้ม ก็สามารถเปลี่ยนเป็นเต้าเจี้ยวขาวแทนได้)
- น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำมันพืชสำหรับผัดน้ำราดหน้า 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำสะอาด 3 ถ้วย
- แป้งมัน หรือแป้งข้าวโพด 3-4 ช้อนโต๊ะ (ละลายน้ำ)
- พริกไทยป่นโรยหน้า
วิธีทำ
- เริ่มจากการนำเส้นใหญ่แยกออกจากกัน แล้วนำไปคลุกเคล้าซีอิ๊วดำซะก่อน จากนั้นก็ตั้งกระทะแล้วนำเส้นลงผัดเร็ว ๆ ด้วยไฟแรง ให้ได้กลิ่นหอมของกระทะ และนำขึ้นพักใส่จานรอไว้
- จากนั้นก็ตั้งกระทะอีกครั้ง มาผัดในส่วนของน้ำราดหน้ากันต่อ เริ่มจากใส่กระเทียมลงไป เจียวกระเทียมด้วยไฟกลางจนเริ่มเหลืองและหอม ใส่หมูลงไปรวนพอสุก เร่งไฟแรง ใส่ผักคะน้าลงไปผัด แล้วปรุงรสตามลำดับ จากนั้นจึงเทน้ำสะอาดลงไป รอกระทั่งน้ำเดือด
- ผสมแป้งมันกับน้ำจนเข้ากันดี แล้วค่อย ๆ เทลงในกระพร้อมกับใช้ตะหลิวคนเร็ว ๆ จนกระทั่งแป้งเข้ากันดีกับน้ำซุปและเดือดพล่าน
- ตักใส่จานเสิร์ฟ โรยด้วยพริกไทยเล็กน้อย
เคล็ดลับการทำพริกน้ำส้มสำหรับกินกับราดหน้า
ควรหั่นพริกแช่ไว้ในน้ำส้มทิ้งไว้ก่อนราว 1-2 ชั่วโมง เพื่อให้พริกและน้ำส้มซึมซับรสชาติซึ่งกันและกันได้ดีขึ้น และเวลาปรุงจะช่วยตัดรสชาติให้กับราดหน้า ได้ดีมากยิ่งขึ้นนั่นเอง
7. ทอดกระเทียม
อาหารตามสั่งบางร้านอาจจะเป็นสูตรทอดกระเทียมแบบแห้ง ที่โรยหน้ามาด้วยกระเทียมเจียวกรอบ ๆ ส่วนบางร้านเป็นแบบซอสขลุกขลิก เคลือบเนื้อสัตว์ แบบที่ผัดกระเทียมลงไปพร้อมกัน งานนี้ใครจะชอบสูตรไหน เราก็จัดมาให้เลือกครบ เพราะมีทั้ง 2 สูตรมาฝาก ไปดูขั้นตอน และวัตถุดิบในการทำเมนูนี้กันได้เลยวัตถุดิบสำหรับเมนูทอดกระเทียมสูตรขลุกขลิก (เป็นกับข้าว)
- เนื้อสัตว์ตามชอบ 250 กรัม
- กระเทียมไทยสับ ครึ่งช้อนโต๊ะ
- น้ำตาล 1/2 ช้อนชา
- ซีอิ๊วขาว 2 ช้อนชา
- ซอสปรุงรส 2 ช้อนชา
- พริกไทยป่น (ดำหรือขาวก็ได้) 1/2 ช้อนชา
- น้ำมันหอย 1 ช้อนโต๊ะ
- ซีอิ๊วดำเล็กน้อยเพื่อเพิ่มสีสัน หรือ 1/8 ช้อนชา
- น้ำเปล่า 3 ช้อนโต๊ะ
- น้ำมันพืช 1 ช้อนโต๊ะ
- แตงกวา 1 ลูก (เป็นผักเคียง)
- ผักชีหั่นสำหรับตกแต่ง 1 ต้น
วิธีทำทอดกระเทียมสูตรขลุกขลิก
- ตั้งกระทะไฟกลาง ใส่น้ำมันแล้วนำกระเทียมลงเจียวพอหอม
- ใส่เนื้อสัตว์ตามลงไป แต่หากเป็นปลาหมึกควรนำไปลวก และสะเด็ดน้ำก่อนนำมาผัด
- เร่งไฟแล้วผัดพอให้เนื้อสัตว์สุกเล็กน้อย ปรุงรสโดยใส่พริกไทยเป็นอันดับสุดท้าย
- ผัดจนกระทั่งเนื้อสัตว์สุกดี น้ำเริ่มงวดลง แต่ยังพอขลุกขลิก ตักเสิร์ฟ
เมนูทอดกระเทียมสูตรขลุกขลิก สูตรนี้ก็สามารถเคียงด้วยแตงกวา และตกแต่งด้วยผักชีเพิ่มได้เช่นกัน หรือถ้าหาใครที่ชอบความหอมเครื่องปรุงรสสมุนไพรตามสูตรโบราณ ก็สามารถตำ 3 เกลอ (รากผักชี, กระเทียม, พริกไทย) ลงผัด แทนขั้นตอนการเจียวกระเทียมในขั้นตอนแรก ก็จะทำให้ได้กลิ่นและรสชาติที่แตกต่างออกไปได้ แถมยังสามารถทำพริกน้ำปลามะนาว สูตรพริกป่นรับประทานคู่กันด้วย ก็ยิ่งเสริมรสชาติกันได้ดียิ่งขึ้น
วัตถุดิบสำหรับเมนูทอดกระเทียมสูตรแห้ง (เป็นกับข้าว)
- เนื้อสัตว์ตามชอบ 250 กรัม
- กระเทียมบุบ แล้วสับหยาบ 1 1/2 ช้อนโต๊ะ
- ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำมันหอย 1 ช้อนโต๊ะ
- ซีอิ๊วดำหวาน 1 ช้อนชา
- น้ำตาล 1/2 ช้อนชา
- น้ำมันสำหรับผัด 1 ช้อนชา
- น้ำมันพืชสำหรับเจียวกระเทียมกรอบ 2 ช้อนโต๊ะ
- พริกไทยขาวป่นเล็กน้อย
- แตงกวา 1 ลูก (เป็นผักเคียง)
- ผักชีหั่นสำหรับตกแต่ง 1 ต้น
วิธีทำทอดกระเทียมสูตรแห้ง
- นำกระเทียมแบ่ง 1 ช้อนโต๊ะ ลงไปเจียวในน้ำมันด้วยไฟอ่อน ให้ได้สีเหลืองทองและเริ่มกรอบ ตักขึ้นสเด็ดน้ำมันแล้วพักไว้ (ขั้นตอนนี้ต้องหมั่นคน และคอยระวังอย่าให้กระเทียมไหม้)
- ตั้งกระทะด้วยไฟกลางอีกครั้ง นำกระเทียมที่เหลือลงเจียวในน้ำมันผัด เริ่มเหลืองแล้วจึงใส่เนื้อสัตว์
- ผัดพอเนื้อสัตว์สุกเล็กน้อย ใส่เครื่องปรุง แล้วเร่งไฟ ผัดต่อจนกระทั่งเนื้อสัตว์คายน้ำออกและเริ่มแห้ง หากเป็นอาหารทะเล หรือเนื้อสัตว์ที่มีน้ำมาก อาจจะนำไปลวก หรือทอดก่อน (ชุปแป้งทอดแบบแห้งก็ได้) ก่อนนำมาคลุกซอสผัด เพื่อให้เนื้อสัตว์คายน้ำออก เวลาผัดน้ำจะได้ไม่ออกเพิ่ม และทำให้น้ำออกมาเยอะเกินไป และเสียรสชาติผัดแห้ง
- ผัดจนกระทั่งซอสเคลือบเนื้อสัตว์ทั่วดี ตักใส่จานเสิร์ฟ โรยพริกไทยขาวป่น กระเทียมเจียว แล้วตกแต่งด้วยผักชี และเคียงแตงกวาข้างจาน รับประทานคู่กับซอสพริก ก็ช่วยเพิ่มรสชาติให้เมนูนี้ได้ดี
8. ผัดพริกเผา
เมนูบรรเทาความคิดถึงที่ให้ฟิลลิ่งเหมือนนั่งนิ่ง ๆ ริมทะเล กับเมนูอาหารตามสั่งอีก 1 เมนูที่แสนง่าย ผัดพริกเผารวมสหายทะเล ที่มีสูตร วัตถุดิบ และวิธีทำดังต่อนี้วัตถุดิบ
- กุ้งขาวไซส์กลาง 100 กรัม
- หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ 5 ตัว
- ปลาหมึกกล้วยไซส์กลาง 1 ตัว (ประมาณ 100 กรัม)
- กระเทียมจีนสับ 2-3 กลีบ
- พริกแดงจินดาสับหยาบ 2 เม็ด
- หอมหัวใหญ่ไซส์กลาง 1 หัว
- ใบโหระพาครึ่งถ้วย
- พริกชี้ฟ้าหั่นแฉลบ 1 เม็ด (เพิ่มสีสัน)
- น้ำพริกเผา 1 1/2 ช้อนโต๊ะ
- ซอสปรุงรส 2 ช้อนชา
- น้ำปลา ครึ่งช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา
- นมข้นจืด 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำมันสำหรับผัด 1 ช้อนชา
วิธีทำ
- นำสหายทะเลล้างทำความสะอาด แกะเปลือกกุ้งและผ่าหลัง จากนั้นหั่นปลาหมึกเป็นชิ้น ๆ ขนาดพอดีคำ
- นำปลาหมึกไปลวกแค่พอสุก แล้วสะเด็ดน้ำพักไว้ เพราะถ้าหากไม่ลวกปลาหมึกไว้ก่อน เวลานำปลาหมึกลงผัดพร้อมเนื้อสัตว์อื่น น้ำจากตัวปลาหมึกอาจจะทำให้เสียรสชาติได้
- นำหอมหัวใหญ่มาปอกเปลือก ล้างทำความสะอาดแล้วหั่นเตรียมไว้
- ตั้งกระทะไฟกลาง ใส่น้ำมันตามด้วยกระเทียมและพริกจินดาสับ ผัดจนหอม
- ใส่พริกเผาลงในกระทะผัดน้ำพริกให้หอมแล้วใส่หอมหัวใหญ่ลงไปผัด
- ตามด้วยเนื้อสัตว์ทั้งหมด เร่งไฟแรงผัดแบบเร็ว ๆ จนกระทั่งเนื้อสัตว์สุกทั่ว
- ใส่เครื่องปรุงทั้งหมดผัดทุกอย่างให้เข้ากัน จากนั้นชิมรส
- เมื่อรสชาติได้ที่ใส่พริกชี้ฟ้าและใบโหระพา ผัดให้เข้ากันแล้วปิดไฟทันที
สำหรับใครที่แพ้อาหารทะเล สามารถนำเนื้อสัตว์ชนิดอื่นแทนได้ แต่ในส่วนของการปรุงรสอาจจะต้องปรับลดสูตรลงเล็กน้อย แล้วชิมรสชาติให้เป็นไปตามที่ต้องการ
9. สุกี้โบราณ
สูตรสุกี้โบราณ กับการทำน้ำจิ้มสุกี้ที่ไม่จำเป็นต้องใส่เต้าหู้ยี้มาฝากกัน ซึ่งก่อนที่จะไปถึงวิธีการและขั้นตอนของการทำน้ำจิ้มสุกี้ สิ่งแรกที่ต้องทำก็คือการนำเนื้อสัตว์ไปหมักกับเครื่องปรุงจนเข้าเนื้อซะก่อน ตามด้วยการเตรียมน้ำซุปที่เป็นหัวใจสำคัญของการทำสุกี้โบราณวัตถุดิบสำหรับหมักเนื้อสัตว์
- เนื้อสัตว์ตามชอบ 250 กรัม
- น้ำมันงา 1 ช้อนชา
- กระเทียมสับละเอียด 1 ช้อนชา
- น้ำมันหอย 2 ช้อนชา
- น้ำตาลทราย 1/4 ช้อนชา
- พริกไทยป่น 1/4 ช้อนชา
- งาขาวคั่ว 1 ช้อนชา
วิธีหมักเนื้อสัตว์
นำเนื้อสัตว์มาหมักกับเครื่องทั้งหมดทิ้งไว้ราว 15-30 นาที
วัตถุดิบสำหรับต้มน้ำซุป
- น้ำเปล่า 1.5 ลิตร
- กระดูกเล้ง ครึ่งกิโลกรัม
- หัวไชเท้า ครึ่งหัว
- ซีอิ๊วขาว 2 ช้อนโต๊ะ
- เกลือ 1 ช้อนชา
- น้ำตาลกรวด 1 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำน้ำซุป
นำน้ำเปล่าตั้งไฟแรง รอน้ำเดือดใส่เล้งและหัวไชเท้า ปล่อยให้เดือดอีกครั้ง 5 นาที ทยอยช้อนฟองออก และปรุงรส หรี่ไฟลงแล้วเคี่ยวให้หวานน้ำต้มกระดูก
วัตถุดิบสำหรับน้ำจิ้มสุกี้แบบไม่มีเต้าหู้ยี้
- ซีอิ๊วขาว 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำส้มสายชู 1 ช้อนโต๊ะ
- ซอสพริก 150 มิลลิลิตร
- น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำมันงา 1 ช้อนโต๊ะ
- กระเทียมสับหยาบ 2 ช้อนโต๊ะ
- รากผักชีสับละเอียด 2 ช้อนโต๊ะ
- พริกขี้หนูเขียวและแดงสับหยาบ 2 ช้อนโต๊ะ
- งาขาวคั่วบุบ 3 ช้อนโต๊ะ
- ผักชีซอยสำหรับตกแต่ง
วิธีทำน้ำจิ้มสุกี้แบบไม่มีเต้าหู้ยี้
- ผสมซีอิ๊วขาว น้ำส้มสายชู ซอสพริก น้ำตาลทราย และน้ำมันงา ลงในหม้อเคี่ยวด้วยไฟอ่อน ๆ (ส่วนผสมที่ 1)
- คนให้ทั่วจนเข้ากันดี และน้ำตาลละลายดี ปิดไฟนำออกจากเตา พักจนเย็น
- ใส่รากผักชี กระเทียม พริกขี้หนู น้ำมะนาว และงาขาวคั่ว (ส่วนผสมที่ 2)
- ชิมรสชาติให้ออกเปรี้ยว หวาน ตามด้วยเค็ม ส่วนระดับความเผ็ด สามารถปรุงรสได้ตามชอบ
ซึ่งสูตรน้ำจิ้มสูตรนี้สามารถเคี่ยวส่วนผสมที่ 1 แล้วเก็บใส่ในภาชนะปิดสนิทแช่ไว้ในตู้เย็นได้นาน เมื่อไหร่ที่จะนำมารับประทานจึงค่อยใส่ส่วนผสมที่ 2 และปรุงรสตามทีหลังได้
วัตถุดิบสำหรับทำสุกี้โบราณ
- เนื้อสัตว์หมัก
- น้ำซุป
- ไข่ไก่
- ผักตามชอบ
- วุ้นเส้น
- น้ำจิ้ม
วิธีทำสุกี้โบราณ
ต้มน้ำซุปจนกระทั่งเดือด ตอกไข่ใส่เนื้อสัตว์ที่หมักไว้ แล้วคลุกเคล้าให้ทั่วดี ทยอยใส่ลงหม้อ ใส่ผักรอให้น้ำเดือดอีกครั้ง แล้วใส่วุ้นเส้นตามลงไป ปิดไฟ แล้วตักเสิร์ฟ พร้อมน้ำจิ้ม
10. ผัดผงกะหรี่
อีกหนึ่งเมนูอาหารตามสั่งที่ทำไม่ยาก แต่ราคากลับสูงลิ่วเมื่อเข้าไปอยู่ในภัตตาคารหรู แล้วอย่างนี้ถ้าจะทำไว้รับประทานเองที่บ้าน หรือทำขายล่ะจะทำได้ไหม? ต้นทุน วัตถุดิบเป็นอย่างไร ราคาจะแพงหรือเปล่า? วันนี้เรามีคำตอบแบบครบครัน ทั้งขั้นตอนการทำ และวิธีการเตรียมว่าผัดผงกะหรี่ที่อร่อยเทียบเท่าระดับภัตตาคารนั้น เค้าทำกันอย่างไร มาดูกันเลยวัตถุดิบสำหรับผัดผงกะหรี่
- เนื้อปูก้อน กรรเชียงปู กุ้ง ปลาหมึก (ต้องลวกก่อน) ปลา ไก่ เนื้อ หมู ฯลฯ ตามความชอบ 200 กรัม
- หอมหัวใหญ่ (หั่นเสี้ยว) ครึ่งลูก
- ต้นหอม (หั่นท่อน) 2 ต้น
- ไข่ไก่ 3 ฟอง
- พริกชี้ฟ้าแดงผ่าเอาเมล์ดออก และหั่นเส้น 1 เม็ด
- คึ่นช่ายหั่นท่อนขนาดพอดี ๆ 1 ต้น (หรือไม่ใส่ก็ได้)
- กระเทียมสับ 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำมันพืช 2 ช้อนชา
วัตถุดิบสำหรับซอสผงกะหรี่ (เตรียมไว้สำหรับผัดพร้อมวัตถุดิบหลัก)
- ผงกะหรี่ไทย 2 ช้อนชา
- ซอสหอยนางรม 2 ช้อนโต๊ะ
- ซอสพริก 1 ช้อนโต๊ะ
- ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำพริกเผา 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำมันพริกเผา 3 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลทราย ครึ่งช้อนชา
- พริกไทยป่น 1/4 ช้อนชา
- นมสดจืด 125 มิลลิลิตร
- น้ำสะอาด 2 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ
- เตรียมซอสผงกะหรี่ที่ได้แก่ ผงกะหรี่ ซอสหอยนางรม ซอสพริก ซีอิ๊วขาว น้ำพริกเผา น้ำตาลทราย พริกไทยป่น นมสดจืด น้ำซุป และน้ำมันพริกเผาลงไปผสมกันในถ้วย แล้วคนให้เข้ากันพักไว้
- ตั้งกระทะไฟกลาง เจียวกระเทียมกับน้ำมันพืชจนหอม แล้วใส่เนื้อสัตว์ตามลงไป เร่งไฟแรง
- จากนั้นใส่หอมหัวใหญ่ลงไปผัดจนสุกแล้ว จึงค่อยใส่ต้นหอมลงไป
- เทซอสผงกะหรี่ ตามด้วยไข่ที่ตีจนเนียนดี (แบบเบามือ ไม่ต้องตีแรงเหมือนเวลาเจียวไข่) ใส่ตามลงไป
- คนส่วนผสมทุกอย่างให้เข้ากันแบบเร็ว ๆ และเคลือบเนื้อสัตว์จนทั่ว
- ใส่ต้นหอม คึ่นช่าย พริกชี้ฟ้าลงไปคลุกเคล้า แล้วรีบปิดไฟทันที
- ตักเสิร์ฟพร้อมข้าวสวยร้อน ๆ
ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมานั้น อาจจะดูเหมือนเครื่องปรุงค่อนข้างเยอะสักหน่อย แต่เชื่อว่าถ้าทำเอง และเลือกวัตถุดิบในการทำที่ราคาเหมาะสม รสชาติความอร่อยที่ได้นั้น จะสามารถเทียบเท่า ผัดผงกะหรี่ ระดับภัตตาคาร ที่จานละหลายร้อยบาท จนถึงหลักพันได้เลยทีเดียว
11. ผัดเผ็ดหน่อไม้ไก่ราดข้าว
เมนูที่เข้ากันอย่างลงตัว ทั้งรสชาติและเท็กซ์เจอร์ของเนื้อสะโพกไก่ หน่อไม้หวาน และเครื่องสมุนไพร อีกหนึ่งเมนูสูตรผัดที่เชื่อว่าหลายคนน่าจะชื่นชอบ เพราะเป็นอาหารตามสั่งที่หาทานยาก แต่ให้รสชาติจัดจ้านอร่อยลงตัว มีทั้งความนัว และความกรุบกรอบของหน่อไม้ และเครื่องเทศสมุนไพรไทย ซึ่งสูตรของเมนูผัดเผ็ดหน่อไม้ไก่ราดข้าว ในวันนี้นอกจากจะเป็นสูตรที่ถึงเครื่องถึงรสชาติแล้ว ยังเป็นสูตรโบราณอีกด้ววัตถุดิบ
- สะโพกไก่หั่นชิ้น 100 กรัม
- หน่อไม้หวานสับเส้น 50 กรัม
- กระเทียม 3 กลีบ
- พริกขี้หนูสดเขียวแดง 4-5 เม็ด
- ตะไคร้ซอย ครึ่งต้น
- ผิวมะกรูด 2 ชิ้นเล็ก
- น้ำปลา 2 ช้อนชา
- น้ำตาลปี๊บ ครึ่งช้อนชา
- ซอสหอยนางรม 1 ช้อนชา
- น้ำเปล่า 1 ช้อนโต๊ะ
- ใบมะกรูดฉีก 1 ใบ
- ใบกะเพราแดง 1 กำมือ
- น้ำมันพืช 1 ช้อนชา
- พริกชี้ฟ้า สำหรับตกแต่ง
วิธีทำ
- เริ่มจากตำพริก กระเทียม ตะไคร้ และผิวมะกรูดพอหยาบ
- จากนั้นตั้งกระทะด้วยไฟกลางแล้วใส่น้ำมัน ตามด้วยเครื่องสมุนไพรที่ตำไว้ลงไปผัด
- เมื่อผัดเครื่องพอหอมดีแล้ว จึงใส่สะโพกไก่ที่หั่นชิ้นพอดีคำลงไป ตามด้วยหน่อไม้หวาน แล้วเติมน้ำเปล่าที่ล้างก้นครก
- ผัดจนกระทั่งสุกดี จึงปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำตาล และซอสหอยนางรม
- จากนั้นใส่ใบกะเพรา พริกชี้ฟ้า และใบมะกรูด
เมื่อเสร็จแล้วตักราดลงบนข้าวสวยร้อน ๆ อาจเสิร์ฟพร้อมไข่ดาว หรือไข่เจียว ที่จะช่วยเพิ่มความกลมกล่อม และลดรสชาติของความจัดจ้านลงได้ ที่สำคัญเมนูนี้ถ้าหน่อไม้หวานที่สับแล้วนำมาใช้ในครั้งเดียวไม่หมด ก็สามารถนำไปต้มแล้วเก็บใส่ภาชนะปิดฝาแช่ไว้ในตู้เย็น และเมื่อจะนำมาใช้อีกครั้ง ค่อยเอาหน่อไม้มาบีบน้ำออก แล้วนำน้ำที่เหลือไปใช้เป็นน้ำสต็อกต่อได้
12. แกงจืดเต้าหู้หมูสับ
ถ้าอยากซดซุปร้อน ๆ ในวันที่อากาศแปรปรวน แกงจืดเต้าหูหมูสับ ก็น่าจะช่วยให้คุณสดชื่นขึ้น ทำเป็นเมนูกลางที่มารับประทานกันในครอบครัว หรือจะสั่งมารับประทานร่วมกับเพื่อน ๆ ในออฟฟิศก็ได้ วันนี้จึงขอนำสูตรง่าย ๆ ในการทำมาฝากกัน โดยมีวัตถุดิบ ส่วนผสม และวิธีการทำดังนี้วัตถุดิบ
- หมูสับ 250 กรัม
- เต้าหู้ไข่ 1-2 หลอด (หั่นชิ้นพอดีๆ ตามชอบ)
- ผงปรุงรสต้มจืด 1 ช้อนโต๊ะ หรือซุปก้อน 1 ก้อน
- กระเทียม 6-7 กลีบ (บุบแล้วสับหยาบ)
- แครอทหั่นแว่น 5-6 ชิ้น
- ผักกาดขาวตามชอบ 3 ใบ
- ขึ้นช่าย หรือต้นหอม ตามชอบ
- ซีอิ๊วขาว 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำปลา 1/2 ช้อนโต๊ะ
- พริกไทยป่นไว้โรยก่อนเสิร์ฟ
- น้ำมันสำหรับเจียวกระเทียม 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำเปล่า 1 ลิตร
วิธีทำ
- นำหมูสับ คลุกเคล้ากับน้ำปลา และพริกไทยป่นให้พอเข้ากัน
- นำกระเทียมลงเจียวกับน้ำมันด้วยไฟอ่อน จนเหลืองและหอม ตักพักไว้
- ต้มน้ำเดือด ใส่ผงปรุงรสหรือซุปก้อน คนจนละลายดี ปั้นหมูสับที่ปรุงรสไว้ให้เป็นก้อนกลมลงต้มพอสุก
- เมื่อเดือดอีกครั้ง ทยอยช้อนฟองออก แล้วปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาว แล้วใส่ผักกาดขาว ชิมรสอีกครั้ง แล้วใส่เต้าหู้ไข่ ต้มต่อจนผักกาดขาวสลด
- ใส่ขึ้นช่าย ต้นหอม ตามลงไป กดให้จมลงในน้ำ แล้วปิดไฟ
- ก่อนเสิร์ฟตักกระเทียมเจียวโรยหน้าด้วยพริกไทยป่น
เสิร์ฟคู่กับข้าวสวยร้อน ๆ กลิ่นของผัก และกระเทียมเจียวที่หอมกรุ่น จะช่วยเรียกน้ำย่อยให้ต่อมรับรสของคุณทำงานได้ดีขึ้น ซึ่งอาจทำให้เมนูที่แสนธรรมดา กลายเป็นเมนูที่พาเอาคุณอร่อยจนหยุดแทบไม่ได้
13. ข้าวผัดกะเพราโบราณ
สูตรดั้งเดิมแท้ ๆ แบบที่ผ่านการปรุงแต่งน้อย ๆ แต่ได้รสชาติเผ็ดร้อนถึงเครื่อง เหมือนสมัยที่ พ่อ แม่ ปู่ ย่า ทำให้กินตอนเด็ก ๆ เผื่อว่าจะได้ลองไปทำรับประทานกันดู หรือใครที่กำลังคิดอยากจะทำขาย ก็จะเพิ่มมูลค่าอาหารตามสั่ง ด้วยการปรับสูตรข้าวผัดกะเพราให้เป็นสูตรดั้งเดิมขนานแท้กันได้อีกทางหนึ่งด้วย เครื่องและขั้นตอนอาจจะไม่ยุ่งยาก แต่เชื่อว่ารสชาติของ ข้าวผัดกะเพราสูตรโบราณ อาหารตามสั่งเมนูนี้จะมีรสชาติที่ถึงใจ ตราตรึงผู้ชิมไปอย่างยาวนานแน่นอนวัตถุดิบ
- เนื้อสัตว์ตามชอบ 100 กรัม
- กระเทียมไทย 5 กลีบ
- พริกขี้หนูสวนแดงและเขียว (เล็ก) สับรวมกัน 4-5 เม็ด
- พริกแห้ง 2-3 เม็ด
- น้ำปลาอย่างดี 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลทราย 1/4 ช้อนชา
- ใบกะเพราแดง 10 ใบ (หรือถ้าไม่มีเปลี่ยนเป็นกะเพราขาวได้)
- น้ำมันพืช หรือน้ำมันหมู (เพิ่มความหอม) 1 ช้อนโต๊ะ
- ข้าวหอมมะลิใหม่หุงสุก 200 กรัม
วิธีทำ
- เริ่มจากล้างและทุบกระเทียมทั้งเปลือกแล้วสับหยาบ ๆ กับพริกขี้หนูสวน แล้วก็หั่นพริกแห้งเป็นท่อน ๆ เตรียมไว้
- ตั้งน้ำมันในกระทะ ยังไม่ต้องให้น้ำมันร้อน ใส่กระเทียมและพริกขี้หนูลงไป ผัดจนหอม แล้วใส่พริกแห้งตามลงไป
- จากนั้นนำเนื้อสัตว์ลงไปผัดแบบเร็ว ๆ ด้วยไฟแรง ปรุงรสด้วยน้ำปลาแล้วน้ำตาล ผัดจนเข้ากันและแห้งดี
- ใครที่ชอบแบบพอมีน้ำขลุกขลิกไว้ราดข้าว ก็สามารถเติมน้ำเปล่าหรือน้ำสต็อกลงไปนิดหน่อยได้
- เมื่อได้ที่แล้วใส่ใบกะเพราตามลงไป ผัดเร็ว ๆ เพื่อให้ใบกะเพราะยังมีสีสวยงามตอนราดบนข้าวสวยร้อน ๆ ก่อนตักเสิร์ฟ
14. พะแนงหมูราดข้าว
ถ้าจะถามว่าจะทำพะแนงหมูราดข้าวขาย แล้วพริกแกงที่จะใช้ล่ะ จะต้องใช้พริกแกงอะไร? แล้วจะซื้อสำเร็จรูป หรือตำเองดี? งานนี้เรามีสูตรทั้งเครื่องพริกแกงพะแนง และวิธีทำสำหรับคนที่ซื้อพริกแกงสำเร็จรูป มาให้ได้ทำตามกันทั้ง 2 แบบเลยเริ่มจากพริกแกงสำเร็จรูป ถ้าหากคุณซื้อร้านประจำที่เชื่อถือได้ และคิดว่าสดใหม่อร่อย คุณก็สามารถนำเอาพริกแกงแดง มาเติม ยี่หร่า เม็ดผักชี (คั่ว) รากผักชี และถั่วลิสงคั่วมาใส่เพิ่มแล้วตำได้ แต่ถ้าใครนิยมตำเอง เพื่อให้ได้ความสดใหม่ หอมกรุ่น และประหยัด ก็ทำตามสูตรนี้ได้เลย
วัตถุดิบพริกแกงพะแนง
- พริกขี้หนูแดงแห้งเผ็ดกลางสีแดงส้ม 10 เม็ด (ผ่าเอาเมล็ดออก หั่นท่อนแล้วนำไปแช่น้ำ เพื่อให้ตำได้ง่ายขึ้น)
- พริกชี้ฟ้าแดงแห้งเม็ดใหญ่สีเข้ม 2-3 เม็ด (ผ่าเอาเมล็ดออก หั่นท่อนแล้วนำไปแช่น้ำ เพื่อให้ตำได้ง่ายขึ้น)
- ตะไคร้ 2-3 ต้น (ซอยละเอียด)
- หอมแดง 6-7 หัว (ซอยหยาบ)
- ข่า 15 กรัม (หั่นแว่นแล้วซอยหยาบ)
- ลูกผักชี (คั่ว) 1 ช้อนชา
- ยี่หร่า (คั่ว) 1 ช้อนชา
- เกลือ ครึ่งช้อนชา
- ผิวมะกรูดครึ่งลูก (ซอยหยาบ)
- ถั่วลิสง 1 1/2-2 ช้อนโต๊ะ
- กระเทียมจีน 5 กลีบ หรือกระเทียมไทยปอก 15 กลีบ (สับหยาบ)
- รากผักชี 2 ราก (ไม่เอาก้านสีเขียว ซอยหยาบ)
- กะปิ 2 ช้อนชา
วิธีทำพริกแกงพะแนง
- เริ่มจากนำลูกผักชีและยี่หร่าลงไปตำพอละเอียด แล้วตามด้วยของแห้งอย่าง ข่า ตะไคร้ รากผักชี
- ตามด้วยหอม กระเทียม ผิวมะกรูด ถั่วลิสง และเกลือ
- ตำพอละเอียดดี ใส่พริกแห้ง บีบสะเด็ดน้ำตามลงไป โขลกต่อ
- จากนั้นใส่กะปิ แล้วโขลกต่ออีกครั้งจนเข้ากัน
วัตถุดิบแกงพะแนงหมูราดข้าว
- พริกแกงพะแนง 2 ช้อนชา
- กะทิ 50 มิลลิลิตร
- เนื้อหมูสันคอสไลด์ หรือหั่นชิ้นบาง 100 กรัม
- ใบมะกรูดฉีก 1 ใบ
- น้ำปลา 1 ช้อนชา
- น้ำตาลมะพร้าว 1 ช้อนชา
- ใบมะกรูดฉีกซอยละเอียด สำหรับตกแต่ง
- พริกชี้ฟ้าแดงซอย สำหรับตกแต่ง
วิธีทำแกงพะแนงหมูราดข้าว
- ใส่กะทิลงในกระทะ ตั้งไฟกลางแล้วผัดจนกะทิแตกมัน จากนั้นใส่พริกแกงพะแนงลงผัดจนหอม
- ใส่เนื้อหมูลงไปผัดจนเกือบสุก ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำตาล ชิมรส และใส่ใบมะกรูดตามลงไป จนหมูสุกได้ที่
- ตักราดบนข้าวสวยร้อน ๆ ตกแต่งด้วยใบมะกรูดซอย และพริกชี้ฟ้าแดงเล็กน้อย ก็พร้อมเสิร์ฟ
ส่วนใครที่ต้องการทำแกงพะแนง โดยใช้เนื้อสัตว์อื่น ๆ แทน ก็สามารถนำสูตรแกงพะแนงหมู ไปประยุกต์ได้เลย
15. เขียวหวานผัดแห้ง
เมนูนี้ถือเป็นเมนูอาหารตามสั่งที่ทำง่ายอีกเมนูหนึ่ง ที่เพียงแค่เตรียมพริกแกงและเนื้อสัตว์เอาไว้ ก็แค่ผัดๆๆ เพียงเท่านี้ก็อร่อยเว่อร์ได้แล้ว สูตรนี้จะต้องใช้วัตถุดิบอะไร? และเตรียมเครื่องแบบไหน? มาดูกันวัตถุดิบสำหรับพริกแกงเขียวหวาน
- พริกจินดาเขียว 50 กรัม
- พริกชี้ฟ้าเขียว 50 กรัม
- พริกขี้หนูสวนเขียว 20 กรัม
- กระเทียมไทย 80 กรัม
- หอมแดง 150 กรัม
- ข่า 30 กรัม
- ตะไคร้ 60 กรัม
- รากผักชี 15 กรัม
- ผิวมะกรูด 1 ลูก
- ขมิ้นสด 3 กรัม
- พริกไทยขาวเม็ด 15 เม็ด
- ลูกผักชีคั่วป่น 1 ช้อนโต๊ะ
- ยี่หร่าคั่วป่น 2 ช้อนโต๊ะ
- เกลือ 1 ช้อนชา
- กะปิอย่างดี 1 ช้อนโต๊ะ
วิธีตำพริกแกงเขียวหวาน
- นำพริกไทยโขลกละเอียด ตามด้วยพริกหั่นชิ้น ลงโขลกพร้อมเกลือ เพื่อที่จะได้ละเอียดง่ายขึ้น
- ใส่ข่า ตะไคร้ ผิวมะกรูด รากผักชี แล้วโขลกต่อจนเริ่มแหลก
- จากนั้นจึงใส่หอมแดง กระเทียม และเครื่องแกงที่เหลือลงไป
- พอเครื่องแกงเรื่มละเอียดดี ใส่กะปิตามลงไปโขลกเป็นลำดับสุดท้าย จนเข้ากันดี
- เก็บใส่ภาชนะที่มีฝาปิดสนิท แล้วแช่ตู้เย็นเก็บไว้ได้ประมาณ 2 สัปดาห์
วัตถุดิบสำหรับเขียวหวานผัดแห้ง
- เนื้อสัตว์ตามชอบ 100 กรัม
- พริกแกงเขียวหวาน 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาล 1 ช้อนชา
- น้ำปลา 2 ช้อนชา
- ใบโหระพา 10 ใบ
- ใบมะกรูดฉีก 1 ใบ
- พริกชี้ฟ้าเหลืองหรือแดง หั่นแฉลบครึ่งเม็ด
- มะเขือเปราะหั่น 1 ลูก (หั่นแบ่ง 4 ชิ้น)
- น้ำมันพืช ครึ่งช้อนโต๊ะ
วิธีทำเขียวหวานผัดแห้ง
- ตั้งกระทะไฟอ่อน ใส่น้ำมันพืช และพริกแกงลงผัดจนได้กลิ่นหอม
- ใส่เนื้อสัตว์ลงไป เร่งไฟกลางแล้วผัดต่อให้พอสุก ใส่มะเขือเปราะตามลงไป ผัดให้มะเขือโดนความร้อนจนทั่ว เพื่อไม่ให้เปลี่ยนสี
- พอเริ่มสุกปรุงรสแล้วใส่ใบมะกรูดฉีก ผัดให้ใบมะกรูดคลายน้ำมันหอม แล้วใส่พริกชี้ฟ้า ตามใบโหระพา จากนั้นผัดเร็ว ๆ แล้วปิดไฟ
จะเสิร์ฟแบบเป็นกับข้าวก็เพิ่มปริมาณตามสูตรลงไปเป็น 2 เท่า หรือจะตักราดข้าวสวยร้อน ๆ ก็พร้อมเสิร์ฟ จะเคียงไข่ต้มตานี หรือไข่เป็ดดาวแบบเยิ้ม ๆ หน่อยก็ตามความชอบ
16. คั่วพริกเกลือ
สำหรับสายแซ่บ ที่เน้นสั่งหรือทำอาหารรสชาติเผ็ดจัดชัดเจนแบบไทย เวลาไปร้านอาหารตามสั่ง หรืออยากทำอะไรที่จานด่วน จานเดี่ยว รับประทานแบบกินง่าย ๆ และรวดเร็ว แต่เบื่อแล้วกับเมนูผัดกะเพรา วันนี้มีอีกหนึ่งทางเลือกมาฝาก กับเมนูนี้ก็คือคั่วพริกเกลือ ซึ่งสามารถประยุกต์ให้เข้าได้กับเนื้อสัตว์ทุกชนิดที่มีในบ้าน หรือวัตถุดิบในร้าน เพียงแค่ทำตามวิธีการ และเตรียมวัตถุดิบตามขั้นตอนง่าย ๆ ดังนี้วัตถุดิบ
- เนื้อสัตว์ตามชอบ 300 กรัม
- กระเทียมสับ 6 กลีบ
- พริกขี้หนูสับหยาบ 15 เม็ด
- รากผักชีสับ 5 ราก
- เกลือ 1 ช้อนชา
- น้ำตาลทราย 1/2 ช้อนชา
- ผักชีซอย 1 ต้น
- หอมซอย 1 ต้น
- พริกไทยป่นเล็กน้อย 1/4 ช้อนชา
- น้ำมันพืช 1 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ
- นำเนื้อสัตว์ลงผัดในกระทะ กับน้ำมันพืชให้ด้วยพอสุกเหลืองน่ารับประทาน แล้วตักพักไว้
- ตั้งกระทะอีกครั้งด้วยไฟกลาง นำเครื่อง พริกสับ กระเทียม รากผักชีลงคั่วจนกลิ่นหอม
- นำเนื้อสัตว์ใส่กลับลงไปคั่วพร้อมเครื่องจนเข้ากัน ปรุงรสด้วย เกลือ น้ำตาลทราย และพริกไทย คลุกให้ทั่วแล้วปิดไฟ
- ใส่ต้นหอมซอย จากนั้นตักลงจานแล้วโรยผักชีก่อนออกเสิร์ฟ
ทั้งวัตถุดิบและวิธีการที่ช่างแสนง่าย แถมยังได้ความอร่อยแซ่บแบบเหนือชั้น ด้วยความหอมจากกลิ่นเครื่องเทศของไทยไปอีก งานนี้เชื่อว่าเมนูคั่วพริกเกลือ จะต้องเป็นอาหารตามสั่ง ที่ครองใจผู้คนได้ไม่ยากแน่นอน ขอให้เตรียมหุงข้าวสวยร้อนๆ รอไว้แค่นั้นก็พอ
107,674 คน
©2024 TaokaeCafe.com