Q-LIFE แฟรนไชส์บริการ ONE STOP SERVICE กิน-ดื่ม-พบปะ ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์
CO-WORKING SPACE อีกหนึ่งแฟรนไชส์บริการที่ได้รับความนิยมอย่างสูง เป็นธุรกิจที่เสนอพื้นที่ให้บริการที่ครบวงจรรูปแบบหนึ่ง โดยให้บุคคลทั่วไปหรือที่ผู้สนใจสามารถ Walk In เข้าไปใช้ประโยชน์เพื่อเป็นสถานที่ทำงาน เป็นเหมือนออฟฟิศขนาดย่อมแบบชั่วคราว
หรือใช้เป็นสถานที่ Meeting พบปะกันในแบบ B2B และ B2C ซึ่งตอบโจทย์ลูกค้าทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นนักเรียน นักศึกษา คนที่ทำงาน Freelance นักธุรกิจ เจ้าขององค์กรบริษัท หน่วยงานต่าง ๆ เพื่อพบปะสังสรรค์ นั่งทำงาน ประชุมสัมมนา ฯลฯ ซึ่งผู้ให้บริการจะดำเนินการเก็บค่าเช่า/ค่าใช้บริการ เป็นรายครั้งหรือรายชั่วโมง เป็นต้น
หรือใช้เป็นสถานที่ Meeting พบปะกันในแบบ B2B และ B2C ซึ่งตอบโจทย์ลูกค้าทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นนักเรียน นักศึกษา คนที่ทำงาน Freelance นักธุรกิจ เจ้าขององค์กรบริษัท หน่วยงานต่าง ๆ เพื่อพบปะสังสรรค์ นั่งทำงาน ประชุมสัมมนา ฯลฯ ซึ่งผู้ให้บริการจะดำเนินการเก็บค่าเช่า/ค่าใช้บริการ เป็นรายครั้งหรือรายชั่วโมง เป็นต้น
จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่า มักมีนักลงทุนที่เล็งเห็นโอกาสให้ความสนใจลงทุนเนรมิตปรับปรุงพื้นที่ว่างให้มี Value ตามตึกอาคารพาณิชย์ หรือสร้างเป็น Shop Stand Alone เพื่ออำนวยความสะดวกในการให้บริการดังกล่าว
Q-LIFE สวรรค์ของคนที่ชอบพบปะ กิน ชอปปิง & โอกาสของนักลงทุนมาถึงแล้ว
แต่จะดีกว่าไหม ? ถ้า Co-Working Space จะเป็นมากกว่าพื้นที่นั่งทำงานแบบทั่วไป แต่เป็น Community หรือ One stop service center ที่ให้บริการความต้องการพื้นฐานเพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้คนไว้ในที่เดียว
Q-LIFE Franchise หรือ Q-LIFE Co-Working Space คือ ธุรกิจ Co-Working Space โฉมใหม่ที่เข้ามาตอบโจทย์ความต้องการของพฤติกรรมและไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคยุคใหม่อย่างแท้จริง
โดยสิ่งที่แตกต่างและเสริมความแข็งแกร่งเข้าไป คือ การเป็นศูนย์รวมผู้ให้บริการขั้นพื้นฐานในชีวิตประจำวันที่ตอบโจทย์ลูกค้าแทบทั้งหมดในลักษณะ ALL-IN-ONE
โดยสิ่งที่แตกต่างและเสริมความแข็งแกร่งเข้าไป คือ การเป็นศูนย์รวมผู้ให้บริการขั้นพื้นฐานในชีวิตประจำวันที่ตอบโจทย์ลูกค้าแทบทั้งหมดในลักษณะ ALL-IN-ONE
ที่สำคัญ Q-LIFE Co-Working Space ถูกออกแบบให้เป็น Business Model ในรูปแบบแฟรนไชส์ สามารถบริหารให้เติบโต ต่อยอดขยายสาขาต่อไปได้ เพื่อให้ตอบโจทย์เหล่านักลงทุนที่มีศักยภาพ
ยกตัวอย่างเช่น หากคุณมีอาคารพาณิชย์, มีพื้นที่ว่างในลักษณะที่ดินเปล่า หรือเป็นอสังหาริมทรัพย์ (REAL ESTATE) หรือมีทำเลอยู่ใกล้ร้านสะดวกซื้อที่เปิด 24 ชั่วโมง ก็สามารถลงทุน หรือ ‘ถือหุ้นร่วมกัน’ กับ Q-LIFE Co-Working Space ได้ โดยจะได้รับผลตอบแทนกลับ 2-3% ต่อเดือน เป็นเม็ดเงินที่สามารถสร้างมูลค่าและงอกเงยกว่าฝากธนาคารกินดอกเบี้ย และความเสี่ยงต่ำกว่าการลงทุนในด้านอื่น ๆ
คุณฉัตรชัย วิเศษวงษ์ ประธานกรรมการ บริษัท คิว เซอร์วิส กรุ๊ป 1301 จำกัด คือผู้ริเริ่มแนวคิดและสร้างแบรนด์ Q-LIFE โดยเปิดเผยว่า
บริษัทเริ่มต้นทำธุรกิจด้านสิ่งพิมพ์ ผลิตป้ายไวนิล ฯลฯ มาก่อน เป็นแฟรนไชส์ผู้สร้างและให้บริการพื้นฐานทั่ว ๆ ไปเพื่อให้คนได้เข้ามาใช้บริการทุกวัน โดยพื้นฐานเราเคยทำมาแล้ว เป็นแฟรนไชส์โรงพิมพ์ มีการรับตกแต่งภายใน รับทำป้าย ชื่อ “Q-PRINTING”
จากนั้นได้ขยายธุรกิจตัวต่อมาในชื่อ Q Co-Working Space ที่เปิดให้คนมาเช่าห้องประชุมหรือให้นั่งทำงาน จนกระทั่ง ลูกค้ามีความต้องการที่หลากหลายเพิ่มขึ้น ทำให้พัฒนาตัวธุรกิจและการให้บริการมาเป็นตัวของ Q-LIFE จากการเล็งเห็นและเข้าใจถึงพฤติกรรมและความต้องการของผู้มาใช้บริการนั่นเอง
Q-LIFE ตอบโจทย์การให้บริการรูปแบบ One Stop Service เป็นธุรกิจรองรับและให้บริการลูกค้าแบบออฟไลน์ โดยมี 9 บริการพื้นฐาน อยู่ในร้านของ Q-LIFE นี้ ได้แก่
• บริการเช่าพื้นที่ Co-Working Space สำหรับบุคคลทั่วไปเข้ามานั่งทำงานได้
• บริการเช่าคอมพิวเตอร์ ให้คนทั่วไปที่ไม่มีคอมพิวเตอร์ เข้ามาใช้งานได้
• บริการร้านอาหาร / สเต๊ก อาหารไทย-ฟิวชั่น ฯลฯ
• บริการกาแฟสดและเครื่องดื่มยอดนิยม
• บริการส่งพัสดุไปรษณีย์ (KERRY EXPRESS)
• บริการรับผลิตสื่อสิ่งพิมพ์ ป้ายทุกชนิด
• บริการศูนย์ถ่ายเอกสารเข้าเล่มรายงานต่าง ๆ
• บริการล็อกเกอร์ฝากขายสินค้ามือสองที่มีมูลค่าต่าง ๆ เช่น นาฬิกามืสอง ฯลฯ
• บริการเคาน์เตอร์โบรกเกอร์ เพื่ออำนวยความสะดวกในธุรกิจต่าง ๆ อาทิ รับเหมาก่อสร้าง, รับตกแต่งภายใน, รับซื้อ-ฝากขายที่ดิน, รับจดทะเบียนบริษัท, รับจดทะเบียนการค้า ฯลฯ
Q-LIFE ปัจจุบันมีโมเดลต้นแบบ (Master Franchise) และเปิดให้บริการที่สุทธิสาร เป็นลักษณะตึก 1 คูหา จำนวน 3 ชั้น ซึ่งมี 9 บริการพื้นฐานภายในคอยให้บริการและตอบโจทย์ลูกค้าทุกกลุ่ม และสอดคล้องกับรูปแบบแฟรนไชส์ของ Q-LIFE ที่เปิดโอกาสให้นักลงทุนหรือผู้สนใจที่มีศักยภาพมาร่วมลงทุนกับรูปแบบ 2 TYPE ได้แก่
TYPE A ลงทุนเริ่มต้น 3,000,000 บาท รูปแบบตึก 1 คูหา 3 ชั้น โดย ชั้นล่างจะได้รับการ Built-In เป็นบริการทั่ว ๆ ไป ส่วนชั้น 2 ตกแต่งเป็นร้านอาหาร/ร้านเครื่องดื่ม และชั้น 3 จะเป็น Co-Working Space หรือห้องประชุม เป็นต้น
TYPE B ลงทุนเริ่มต้น 5,000,000 บาท รูปแบบตึก 2 คูหา 3 ชั้น (รายละเอียดการลงทุนและ Built-In เหมือนกับ TYPE A)
จุดแข็งของ Q-LIFE อยู่ที่งบประมาณการลงทุนแฟรนไชส์ที่ผู้ลงทุนไม่จำเป็นต้องกำเงินถึง 3-5 ล้านบาท มาลงทุนทั้งหมด แต่สามารถร่วมกันถือหุ้น (แต่ละคนที่สนใจอยากเป็นเจ้าของแต่มีเงินทุนจำกัดให้มาร่วมหุ้นเท่า ๆ กัน) และแบ่งผลตอบแทนรายเดือนได้เท่า ๆ กันทุกคน โดย คุณฉัตรชัย กล่าวเสริมว่า
ยกตัวอย่างเช่น TYPE A ใช้เงินลงทุน 3 ล้านบาท โดยบริษัทจะช่วยหาหุ้นให้ครบและแบ่งเป็น 10 หุ้น เพราะจากประสบการณ์ที่เราเคยบริหารมา มีคนลงทุนที่มีเงินจำกัดเช่น 300,000 บาท แต่อยากจะลงทุนกับเรา เราก็จะแบ่งการบริหารของสาขาแฟรนไชส์นั้นออกเป็น 10 หุ้น
เพราะฉะนั้น TYPE A รูปแบบลงทุน 1 คูหา จ่าย 3 ล้านบาทนั้น ถ้าถูกแบ่งเป็น 10 หุ้น ก็จะจ่ายคนละ 300,000 บาท เช่นเดียวกับ TYPE B รูปแบบลงทุน 2 คูหา จ่าย 5 ล้านบาทนั้น ถ้าถูกแบ่งเป็น 10 หุ้น ก็จะจ่ายคนละ 500,000 บาท
“ โดยบริษัทฯ จะมีเงินปันผลให้ 2% ต่อเดือนของเงินลงทุน แต่ให้ใน 10 สาขาแรกเท่านั้น !! (ที่ลงทุนกับเรา) หลังจาก 10 สาขาแรก หรือ สาขาที่ 11 เป็นต้นไป จะมีเงินปันผล 1% ต่อเดือนของเงินลงทุน ”
นอกจากนี้ จากประสบการณ์ที่เราเคยทำตลาดประชาสัมพันธ์และออกบูธเกี่ยวกับธุรกิจของ Q-LIFE คือ เรามักจะเจอลูกค้าหรือผู้ที่สนใจที่มีทำเลที่มีศักยภาพและมีเงินทุน 3-5 ล้านบาทพร้อมที่ลงทุน แต่กลับไม่มีพนักงานหรือไม่มีลูกน้องมาดูแลประจำที่สาขา
เพราะฉะนั้น เราจึงได้ SETTING ตั้งทีมงานของเราขึ้นมา และพร้อมที่จะส่งคนไปบริหารสาขาของคุณให้ทั้งหมด โดยบริษัทฯ ยังคงให้เงินปันผล 2% ของเงินลงทุนให้กับแฟรนไชส์ซี หรือผู้ลงทุนร่วมกับเราด้วย
ในส่วนพื้นที่ location หรือทำเลที่เหมาะสมที่จะดำเนินธุรกิจ Q-LIFE นั้นแนะนำเป็นตึกแถว, อาคารพาณิชย์หรือ การสร้าง SHOP STAND ALONE ขึ้นมาแต่ควรตั้งใกล้กับเซเว่นอีเลฟเว่น เพื่อดึง Traffic คนนั่นเอง
โดยบริษัทได้กำหนดให้เขตและ 1 สาขา ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ได้แก่ จ.ปทุมธานี จ.นนทบุรี จ.สมุทรปราการ โดยทั้งหมดนี้มี 248 แขวง/ตำบล (เฉพาะในกรุงเทพฯ และปริมณฑล) ซึ่งเป็นเป้าหมายที่เราจะขยายแฟรนไชส์ให้ได้ในปี พ.ศ.2565 หน้านี้
หลังจากที่คนไทยผ่านสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยต้นปี พ.ศ.2565 นี้ บริษัทจะเริ่มทำการประสัมพันธ์ธุรกิจ Q-LIFE อีกครั้ง พร้อมกับ R&D และทำการตลาดโปรโมทแบรนด์ไปพร้อม ๆ กัน
ซึ่งต้นปี 2565 นี้นี้จะเปิดที่สะพานควาย และลาดพร้าว ต้องคอยติดตามข่าวกันดูได้ที่ Facebook : https://www.facebook.com/QLifeFranchise/
ซึ่งต้นปี 2565 นี้นี้จะเปิดที่สะพานควาย และลาดพร้าว ต้องคอยติดตามข่าวกันดูได้ที่ Facebook : https://www.facebook.com/QLifeFranchise/
คุณฉัตรชัย กล่าวฝาก Q-LIFE Franchise หรือ Q-LIFE Co-Working Space ในตอนท้ายไว้อย่างน่าสนใจด้วยว่า
ให้มองธุรกิจ Q LIFE เหมือนกับ Shopping Center หรือการลงทุน REAL ESTATE รูปแบบหนึ่งที่ หรือการขยายกิจการรูปแบบร้านอาหารฟาสต์ฟู้ด อย่างเช่น McDonald's (แมคโดนัลด์) ที่ขยายสาขาไปทั่วโลก ซึ่งเป็น Business Model เดียวกัน เป็นต้น
ให้มองธุรกิจ Q LIFE เหมือนกับ Shopping Center หรือการลงทุน REAL ESTATE รูปแบบหนึ่งที่ หรือการขยายกิจการรูปแบบร้านอาหารฟาสต์ฟู้ด อย่างเช่น McDonald's (แมคโดนัลด์) ที่ขยายสาขาไปทั่วโลก ซึ่งเป็น Business Model เดียวกัน เป็นต้น
โดย Q-LIFE หยิบเอาบริการพื้นฐานจริง ๆ ของมนุษย์มารวมไว้ทั้งหมด เช่น คนเรายังต้องปริ้นงาน ถ่ายเอกสาร ยังต้องใช้งานเครื่องคอมพิวเตอร์ หรืออินเทอร์เน็ตคาเฟ่ ซึ่งเราสามารถเก็บค่าบริการเป็นรายชั่วโมงได้
หรือผู้บริโภคบางกลุ่มต้องการนั่งดื่มน้ำ กินกาแฟ บางคนก็หิวข้าว ระหว่างรอก็สั่งอาหารกินใน Q-LIFE ได้เช่นกัน หรือใครจะเข้ามาใช้ Co-Working Space เราก็เก็บค่าบริการชั่วโมง 100-200 บาท เป็นต้น
นอกจากนี้ Q-LIFE มีบริการรับซื้อและขายสินค้ามือสองด้วย สินค้าที่มีราคาหลักพันหลักหมื่นบาท สำหรับคนที่อยากฝากให้เราช่วยขายสินค้าก็มาเช่าล็อกเกอร์ โดยเราก็เก็บค่าใช้ล็อกเกอร์ 10 บาท/วัน โดยเรามีประมาณ 30 ล็อกเกอร์/สาขา ซึ่งผู้ลงทุนแฟรนไชส์ก็จะได้ผลตอบแทนจะการเก็บค่าบริการทุก ๆ การใช้ประโยน์หรือทุก ๆ พื้นที่ใช้สอยเหล่านี้ด้วยนั่นเอง
“ Q-LIFE ทุกพื้นที่, ทุกการใช้สอยมี Value สร้างมูลค่าได้ และสามารถตอบโจทย์ Consumer ได้ทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นนักเรียน นักศึกษา พนักงานออฟฟิศ นักธุรกิจ องค์กรทุกภาคส่วน เป็น Life Style Activity มีกิจกรรมที่นัดพบปะกัน
ผมมองว่า อะไรที่มันเป็นช่องทางแล้วมีมูลค่าให้รีบทำ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเป็นธุรกิจบริการ มันเป็นงานบริการที่ลูกค้าต้องการจับจ่ายใช้สอย และมีความจำเป็นต้องทำ ต้องซื้อหรือต้องใช้จ่าย โดยเรามุ่งหวังให้ Q LIFE คือ สถานที่หรือศูนย์รวมที่ทำให้คนในชุมชนมาเจอกัน มาใช้บริการพื้นฐานของคุณในแต่ละวัน ตามแต่ไลฟ์สไตล์และภารกิจของแต่ละคนได้ที่นี่ที่เดียว
โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเป็นธุรกิจบริการ มันเป็นงานบริการที่ลูกค้าต้องการจับจ่ายใช้สอย และมีความจำเป็นต้องทำ ต้องซื้อหรือต้องใช้จ่าย โดยเรามุ่งหวังให้ Q LIFE คือ สถานที่หรือศูนย์รวมที่ทำให้คนในชุมชนมาเจอกัน มาใช้บริการพื้นฐานของคุณในแต่ละวัน ตามแต่ไลฟ์สไตล์และภารกิจของแต่ละคนได้ที่นี่ที่เดียว
ผมจึงมองว่า คนที่มีศักยภาพพร้อมลงทุน หรือเป็นนักลงทุนที่ไม่หยุดนิ่ง และมองหาผลตอบแทนที่มากกว่า ฝากเงินในธนาคาร แต่ความเสี่ยงน้อยกว่าการลงทุนเทรดหุ้น ฯลฯ ซึ่ง Q LIFE จึงเข้ามาตอบโจทย์ให้นักลงทุนตรงจุดนี้ ซึ่งผมกล้าการันตีผลตอบแทนที่คุณจะได้รับอย่างคุ้มค่า เป็น Passive income และเป็นการลงทุนเงินต่อเงินที่น่าสนใจมาก ๆ ครับ ”
ติดต่อแฟรนไชส์ Q-LIFE Franchise
Address : 524/3 ถนนพหลโยธิน แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพฯ 10400
Tel : 082 359 8178
Facebook : https://www.facebook.com/QLifeFranchise/
Website : http://www.qservicesgroup.com/
3,549 คน
©2024 TaokaeCafe.com