NIFTY เมนูสเต็ก ระดับมิชลิน ยกเซต CHEF’S TABLE สู่แฟรนไชส์สตรีทฟู้ด
บีฟเวลลิงตัน (Beef Wellington), โทมาฮอว์ค (Tomahawk Steak), Steak and Butcher, พายสตูว์เนื้อ, ล็อบสเตอร์ (Lobster) หรืออาหารฟิวชั่นสไตล์ THAI-FRENCH อาหารติดดาวระดับ MICHELIN STAR (มิชลินสตาร์) ที่ใคร ๆ ก็ต่างรู้ว่า เลิศหรูเลอค่าระดับโลกเพียงใด
โดยเกณฑ์ที่ใช้ประกอบการตัดสินร้านอาหารที่จะได้รับเครื่องหมาย MICHELIN STAR นั้นประกอบด้วยองค์ประกอบที่หลากหลาย เช่น คุณภาพเทคนิค, ลักษณะเฉพาะตัวของอาหาร, ความเสมอต้นเสมอปลายของรสชาติอาหาร ไม่นับรวมการตกแต่งอาหารการจัดโต๊ะอาหาร และการบริการต่าง ๆ อีกมากมาย
นั่นหมายความว่า บรรดาอาหารชั้นยอดระดับนี้ สำหรับคนธรรมดาโดยทั่วไป มีโอกาสเข้าถึงและสัมผัสได้ค่อนข้างยากยิ่งอย่างแน่นอน
แต่ตอนนี้ น่าดีใจแทนผู้บริโภคและนักลงทุนคนไทย เพราะมีผู้ที่มองเห็นโอกาสได้นำอาหารมาตรฐาน MICHELIN STAR มาทำให้เป็นอาหารที่ขายได้ในราคาที่ไม่แพง โดยไม่ลดคุณค่า แต่ย่อขนาดให้คนทั่วไปจับต้องและสัมผัสความอร่อยได้ง่ายขึ้น
NIFTY (นิฟตี้) คือ แบรนด์ที่กำลังพูดถึง คือ การยกอาหารระดับภัตตาคารหรือ MICHELIN STAR มาจัดเสิร์ฟขายในรูปแบบแฟรนไชส์ (FOOD FRANCHISE)
โดยยังคงคัดสรรวัตถุดิบชั้นยอดทั้งในประเทศและต่างประเทศ รังสรรค์จากเชฟมืออาชีพ ในการปรุงอาหารแนว INNOVATIVE ราคาเฉลี่ยต่อเมนู หลักร้อยบาทถึงพันต้น ๆ เท่านั้น เพื่อเสิร์ฟความอร่อยถึงมือผู้บริโภคทุกกลุ่มโดยจับต้องได้
คุณนัท (ณัฐวุฒิ หงษ์ประพันธ์) ผู้ริเริ่มสร้างแบรนด์ NIFTY เผยแนวคิดและนิยามอย่างเข้าใจง่าย ๆ ว่า..
“NIFTY คือ การเปลี่ยนวัตถุดิบท้องถิ่นของไทย ให้กลายเป็นวัตถุดิบระดับเวิลด์คลาส”
อาหารทุกอย่างภายใต้แบรนด์ NIFTY จะเป็นแนวฟิวชั่นสไตล์ไทย-ฝรั่งเศส และเป็นอาหาร INNOVATIVE ที่ผ่านการรังสรรค์จากเชฟที่มีประสบการณ์ ตัวอย่างเช่น Pretzel Pie, Beef Wellington, Tomahawk Steak, พิซซ่าม้วน ฯลฯ
นอกจากนี้ Signature อื่น ๆ ภายใต้แบรนด์ NIFTY ยังมีอีกมากมายเช่น จำพวกสเต็กเนื้อ Butcher ในรูปแบบของพาย (Pie) โดย NIFTY เป็นเจ้าแรก ๆ ที่ทำสเต็กในรูปแบบของพาย และเรากล้าการันตีเป็นเนื้อเกรดพรีเมียม เรียกได้ว่า เป็นแฟรนไชส์สเต็กเนื้อ โดยใช้เนื้อไทยเกรดพรีเมียม และรสชาติอร่อยระดับ MICHELIN STAR ก็ว่าได้
“ อาหารระดับ Michelin มันถูกจัดให้ขึ้นหิ้งเกินไป ผมจึงมองว่า อาหารไม่ว่าประเภทใดก็ตาม มันต้องเข้าถึงคนได้ทุกเชื้อชาติและทุกชนชั้น เพียงแต่ว่า เราก็ควบคุม RATE ราคาให้เหมาะสม ให้คุ้มกับต้นทุนที่ทำอยู่แล้ว นั่นคือสิ่งที่ผมบอกว่า NIFTY เราย่นย่ออาหารระดับ Michelin ติดดาวมาอยู่ในทุก ๆ พื้นที่ที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้
ยกตัวอย่างเช่น 30-40 ปีที่แล้ว พิซซ่า หรือแฮมเบอร์เกอร์ มันแพงนะ และมันก็ไม่มีขายในห้างฯ จะมีเสิร์ฟแต่ในภัตตาคารหรูเท่านั้น แต่มันก็ค่อย ๆ ถูกย่นย่อลงมาให้ผู้บริโภคทุกกลุ่มสามารถจับต้องได้ในเวลาต่อมา
ซึ่ง NIFTY ก็มีวิสัยทัศน์และจุดมุ่งหมายเดียวกัน เพียงแต่ต้องใช้เวลาสักหน่อย แต่เชื่อว่า มันจะปฏิวัติวงการอาหารระดับ Michelin อีกรูปแบบหนึ่ง ที่ทุกคนซื้อทานได้ ในราคาที่ไม่แพงเกินไป ”
NIFTY มุ่งมั่นที่จะ R&D การทำอาหารในแนว INNOVATIVE โดยมองว่า วัตถุดิบหลายอย่างของไทยมีคุณภาพทัดเทียมระดับสากล โดยสามารถนำมารังสรรค์เป็นเมนูโมเดิร์นใหม่ ๆ ได้เยอะมาก
ยกตัวอย่างเช่น ‘เนื้อไทยวากิว’ โดยคุณภาพก็ไม่ได้แตกต่างจากเนื้อนำเข้า เผลอ ๆ Material ของคนไทยยังแพงกว่าด้วยซ้ำ ซึ่งรสชาติความมันที่แทรกอยู่ในเนื้อ อาจจะต่างไปบ้าง แต่รวม ๆ แล้วรสชาติแทบไม่ต่างกันกับเนื้อนำเข้า
คุณณัฐวุฒิ กล่าวต่อว่า สำหรับแฟรนไชส์ ของแบรนด์ NIFTY มีที่มาที่ไปโดยเราเคยนำมาทำขายทดลองตลาดอยู่พักหนึ่ง (CHEF’S TABLE) ก่อนเจอโควิดฯ ครั้งแรก ซึ่งก็ได้ผลตอบดีจากลูกค้า ซึ่งตอนนั้นเราก็ทำการตลาดและทำบริการรูปแบบ Delivery จัดส่งให้ลูกค้าของเราเอง
ปัจจุบัน NIFTY เซตรูปแบบการลงทุนแฟรนไชส์สำหรับนักลงทุนหรือผู้สนใจที่อยากทำธุรกิจอาหาร เริ่มต้น 30,000-50,000 บาท ทั้งนี้ ยังมี ชุดเริ่มต้น (Standard) คือ ชุดลงทุน 59,000 บาท ซึ่งผู้ลงทุนจะได้รับอุปกรณ์และวัตถุดิบพร้อมเริ่มต้นธุรกิจ ได้แก่
• ตู้แช่แข็ง
• อาหาร 100 ชุด พร้อมขาย
• ออกแบบแบรนด์ (ของตัวเอง)
• ภาพเมนู
• โบรชัวร์อาหาร
• อุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า (ในการประกอบอาหาร)
สำหรับเมนูอาหาร ทางเจ้าของแฟรนไชส์ปรุงสำเร็จกึ่งสำเร็จรูปเรียบร้อยแล้ว ผู้ลงทุนเพียงแค่นำเข้าเตาอบและอุ่นร้อนตามสูตรที่ทางร้านจะอบรม ก็พร้อมจัดเสิร์ฟขายลูกค้าหน้าร้านได้ทันที
คุณณัฐวุฒิ บอกว่า NIFTY เราจัดเมนูอาหารทำกึ่งสำเร็จรูปให้ผู้ลงทุนไปประมาณ 30-50 รายการ นำไปปรุงขายได้เลย โดยเมนูทุกตัวเราผ่านกระบวนการ Sous-Vide (ซู-วี) ทั้งหมด หรืออย่างตัว ‘ซอส’ เราก็ปั่นจากครัวกลางไปให้ ใครไปทำก็อร่อยเหมือนเชฟทำ ทำง่ายขายได้กำไรเยอะมาก
“ อาหารจานสเต็กของเรา คือ สเต็กในรูปแบบที่ผ่านกระบวนการคิด การรังสรรค์มาให้แล้ว นำมาขายในรูปแบบสเต็กที่แตกต่างจากตลาดทั่วไป คุณจะได้ทานอาหารเหมือนดินเนอร์กับคนรักหรือครอบครัวของคุณ เป็นอาหารและมื้อที่ดูเลอค่าจริง ๆ ซึ่งราคาเริ่มต้นแค่เมนูหรือ SET ละ 300 บาทเท่านั้น
นอกจากนี้ NIFTY หน้าร้านของเราที่กำลังจะ Building ทำเป็นร้านต้นแบบในต้นปี พ.ศ.2565 นี้ จะมีในส่วนของ Butcher Steak Bar ด้วย ซึ่งเซตขายของสเต็กของเราสามารถควบคุมคอร์สทำราคาขายอยู่ที่เมนูละ 500-600 บาท นี่แหละจึงทำให้ผู้บริโภคสามารถสัมผัสรสชาติและเข้าถึงได้ง่าย ”
คุณณัฐวุฒิ ยังได้กล่าวฝากแบรนด์ NIFTY ไว้กับผู้สนใจด้วยว่า ลงทุนกับ แฟรนไชส์ NIFTY คุณไม่ต้องจ้างเชฟ คุณแค่หาพนักงานประจำร้านคุณ เข้ามาอบรมการปรุง การอุ่นร้อนกับเราได้เลย ใครก็ทำเสิร์ฟขายลูกค้าได้ เมนูอาหารทุกตัวแค่นำไป Grill ในระยะเวลาที่เราจะแนะนำให้เท่านั้น ก็เสิร์ฟขายได้แล้ว
“ ทุกเมนูของ NIFTY มันค่อนข้างใช้เทคนิคการปรุงแบบ INNOVATIVE เยอะมาก ผมจึงมั่นใจว่า เราไม่เหมือนกับของที่อื่น ๆ อย่างแน่นอน
ในส่วนของ location หรือทำเล ตลอดจนแพ็กเกจที่ผู้ลงทุนเลือกลงทุนกับแฟรนไชส์ NIFTY ก็มีส่วน อย่างไรก็ตาม เราจะช่วยคัดเลือกรายการอาหารตัวที่เป็น Signature และให้เหมาะสมกับกลุ่มลูกค้าในพื้นที่ทำเลขายของผู้ลงทุนด้วย
เราจะช่วยวิเคราะห์และจัดสรรให้ ตามความเหมาะสม เพื่อให้คุณขายได้คล่อง ขายได้ไว ขายได้กำไรเยอะที่สุด เช่น วากิว, Wellington, พิซซ่าม้วน ซึ่งตัวไหนที่เป็น Standard ที่ต้องมีทุกสาขา เราก็จัดส่งให้ผู้ลงทุนอย่างต่อเนื่อง
จึงขอฝากแบรนด์ แฟรนไชส์ NIFTY สำหรับผู้บริโภค หรือหากท่านใดต้องการ Test อยากชิมสินค้า ก็สามารถ Inbox สั่งผ่าน Page Facebook ร้านของเราโดยตรงได้เลย
และในส่วนของนักลงทุน กลุ่ม Investor เรามีแผนธุรกิจให้คุณ เราวางกลยุทธ์ให้ เราคิดเมนูให้ ทุกกระบวนการของการเตรียมวัตถุดิบเราทำให้เป็นเรื่องที่ง่าย กำไรมากกว่า 60%
ซึ่งในอนาคตเราจะทำให้ผู้บริโภคได้ทานสเต็กที่มีความเหนือชั้นไปอีกจากรูปแบบเดิม ๆ เรียกได้ว่า หากนึกถึง สเต็กที่เหนือชั้นและอร่อยยิ่งกว่า.. จะต้องนึกถึงแบรนด์ NIFTY ”
สนใจแฟรนไชส์ NIFTY ติดต่อได้ที่
TEL : 095 325 5321
Facebook : https://www.facebook.com/niftycuisine
แฟรนไชส์แนะนำอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง