พันธุ์ไทย “ชีเสิร์ฟ ไม่พัก”

หากพูดถึง PTG Energy (บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด มหาชน) หลายคนคงทราบว่าคือแบรนด์ไทยที่เริ่มธุรกิจพลังงาน จากการค้าน้ำมันในภาคใต้เมื่อกว่า 30 ปีที่แล้ว และเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง วันนี้ PTG ไม่ได้เป็นเพียงแค่บริษัทค้าน้ำมัน แต่ได้ขยายธุรกิจไปสู่บริการที่ครอบคลุมทุกไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภค ไม่ว่าจะเป็น ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม ร้านสะดวกซื้อ ศูนย์ซ่อมบำรุง และพลังงานทดแทน


 

กาแฟพันธุ์ไทย ถือเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่เติบโตอย่างรวดเร็วภายใต้ PTG ด้วยแนวคิดที่มุ่งเน้นการใช้วัตถุดิบไทยแท้จากท้องถิ่น สร้างสรรค์เมนูเครื่องดื่มที่มีเอกลักษณ์ และขยายสาขาทั่วประเทศจนกลายเป็นร้านกาแฟที่ครองใจคนไทย โดยเฉพาะนักเดินทางที่แวะพักระหว่างเส้นทาง

กาแฟพันธุ์ไทย อยู่ในกลุ่มธุรกิจ Non-Oil ภายใต้การบริหารงานของบริษัท กาแฟพันธุ์ไทย จำกัด โดยร้านเปิดตัวสาขาแรกในปี 2555 ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ด้วยเอกลักษณ์ความเป็นไทยและสนับสนุนเกษตรกรในประเทศ 


แนวทางและผลิตภัณฑ์ที่โดดเด่น 
● ใช้วัตถุดิบท้องถิ่นที่มีคุณภาพและหาได้ยาก เช่น น้ำตาลดอกมะพร้าวจากอัมพวา ตาลโตนดสงขลา นมข้าวโพดไร่สุวรรณ ปากช่อง มะม่วงเบาพันธุ์ใต้แท้จากสงขลา ส้มมะปี๊ด จันทบุรี
● รังสรรค์เมนูสุดพิเศษ เช่น กาแฟโตนด ชาไทยโตนด ม่วงเบากาแฟ โพดจุกใจ  จี๊ดกาแฟ จี๊ดชาไทย (จากส้มมะปี๊ด) รวมทั้ง มารุเซ็นมัทฉะพรีเมียม ซึ่งคัดสรรสุดยอดใบชามาจากเชียงราย และชาอัสสัมพันธุ์ไทย จากน่าน
● พัฒนาผลิตภัณฑ์ในตลาดกาแฟพรีเมียม เช่น “กาแฟพันธุ์ไทย สเปเชียล เบลนด์” ซึ่งจำหน่ายทั้งแบบซองและบริการในร้าน และยังพัฒนา “กาแฟดริปรักษ์โลกพันธุ์ไทย” ให้ผู้บริโภคที่ชอบดื่มกาแฟที่บ้าน รวมถึงการออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่ย่อยสลายง่าย เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

กลยุทธ์การขยายตลาดของกาแฟพันธุ์ไทย
● ขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง ครอบคลุมทุกจังหวัดในไทย โดยปี 2567 สาขาเพิ่มขึ้น 465 สาขา จาก 882 สาขา เป็น 1,347 สาขา หรือเพิ่มขึ้น 52.7% คิดเป็นการขยายเฉลี่ย 1.3 สาขาต่อวัน
● 60% อยู่ในสถานีบริการน้ำมัน และอีก 40% เป็นแฟรนไชส์และสาขานอกปั๊ม (ข้อมูล ณ ปี 2566)
● มีแฟรนไชส์โมเดลเพื่อให้ผู้สนใจลงทุนได้ง่ายขึ้น

เป้าหมายและความยั่งยืน
● มุ่งพัฒนา Ecosystem ของธุรกิจกาแฟตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ
● สนับสนุนการปลูกกาแฟอาราบิก้าในพื้นที่สูง ลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม และส่งเสริมเกษตรกรท้องถิ่น
● ตั้งเป้าสร้างเครื่องดื่มที่มีคุณภาพจากวัตถุดิบท้องถิ่น เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจหมุนเวียนในอนาคต


🚶‍♂️พันธุ์ไทยยังเดินหน้าขยายรูปแบบการลงทุนผ่านระบบ แฟรนไชส์ ที่ทำให้ผู้ประกอบการสามารถเป็นเจ้าของร้านกาแฟได้ง่ายขึ้น โดยมี 3 โมเดลหลัก ได้แก่
● Kiosk – สำหรับพื้นที่ขนาดเล็ก เช่น อาคารสำนักงาน โรงพยาบาล เริ่มต้น 1.93 ล้านบาท
● Built-In – พื้นที่มีโครงสร้าง เช่น อาคารพาณิชย์ หรือ Shop House เริ่มต้น 2.53 ล้านบาท
● Stand Alone – สำหรับพื้นที่เปล่าที่ไม่มีโครงสร้าง เริ่มต้น 3.63 ล้านบาท


ด้วยการเติบโตที่แข็งแกร่งของกาแฟพันธุ์ไทย ทำให้แบรนด์เล็งเห็นโอกาสใหม่ในตลาดอาหาร และนี่จึงเป็นที่มาของ "ก๋วยเตี๋ยวเรือพันธุ์ไทย" ที่พร้อมเสิร์ฟอาหารร้อน ๆ ควบคู่กับกาแฟ ให้ลูกค้าได้อิ่มครบจบในที่เดียว

🍜"ก๋วยเตี๋ยวเรือ" เป็นเมนูที่มีประวัติยาวนานและเกี่ยวข้องกับวัฒนธรรมการค้าขายทางน้ำของไทยมาหลายยุคหลายสมัย จุดกำเนิดของก๋วยเตี๋ยวเรือมีมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 โดยพ่อค้าชาวจีนที่อพยพมาตั้งรกรากในไทย ได้ดัดแปลงเมนูนี้ให้เหมาะกับวัตถุดิบและรสชาติแบบไทย และ “รังสิต” ถือเป็นแหล่งกำเนิดที่สำคัญของ "ก๋วยเตี๋ยวเรือ" เนื่องจากในอดีตพื้นที่นี้มีคลองรังสิตที่ใช้เป็นเส้นทางคมนาคมหลัก พ่อค้าแม่ค้าจะพายเรือขายก๋วยเตี๋ยวตามลำคลอง โดยใช้หม้อเล็ก ๆ วางบนเรือเพื่อเคี่ยวน้ำซุป และเสิร์ฟลูกค้าผ่านริมฝั่ง ด้วยข้อจำกัดของพื้นที่บนเรือ ทำให้ก๋วยเตี๋ยวเรือต้องถูกเสิร์ฟเป็นชามเล็ก ๆ เพื่อให้รับประทานง่าย และเกิดเอกลักษณ์เฉพาะตัวจนกลายเป็นเมนูที่โด่งดังมาถึงปัจจุบัน

พันธุ์ไทยได้นำเอาเอกลักษณ์นี้มาสร้างเป็น "ก๋วยเตี๋ยวเรือพันธุ์ไทย"ซึ่งยังคงรสชาติต้นตำรับแบบดั้งเดิม พร้อมเสิร์ฟควบคู่ไปกับกาแฟพันธุ์ไทยในบรรยากาศที่สะท้อนถึงความเป็นไทย และตั้งอยู่ในพื้นที่ตำนาน คือ “รังสิต” นั่นเอง


 
ล่าสุดในปี 2568 นี้ พันธุ์ไทยได้เปิดตัวร้าน "ก๋วยเตี๋ยวเรือพันธุ์ไทย"  แห่งแรกที่รังสิตคลอง 3 ใกล้ดรีมเวิลด์ โดยนำเสนอประสบการณ์ใหม่ของร้านกาแฟที่ "ไม่ใช่แค่กาแฟ" แต่มีเมนูก๋วยเตี๋ยวเรือสูตรเข้มข้นมาร่วมเสิร์ฟด้วย

🍜ก๋วยเตี๋ยวเรือพันธุ์ไทย รังสิต
● ร้านกาแฟ ให้บริการ 06.00 - 18.00 น.
● ร้านก๋วยเตี๋ยว ให้บริการ 08.00 - 17.00 น. โดยผู้ที่มีรับประทาน ต้องมารับคิวโต๊ะสำหรับรับประทานที่เคาน์เตอร์

🍜เมนูก๋วยเตี๋ยวเรือพันธุ์ไทย
● ก๋วยเตี๋ยวเรือ หมู 45.- /เนื้อ 50.-
● เกาเหลา หมู 60.- /เนื้อ 70.-
● เส้น: บะหมี่, เส้นหมี่, เส้นเล็ก, เส้นใหญ่, วุ้นเส้น 
● เส้นมาม่า +10.-
● ข้าวสวย +15.-

🍜เมนูทานเล่น
● ลวกจิ้ม 65.-
● ลูกชิ้นหมู 3 ไม้ 45.-
● ลูกชิ้นเนื้อ 3 ไม้ 50.-
● แคปหมู 15.-
● กากหมู 30.-

🍜เมนูของหวาน
● ขนมถ้วย คู่ละ 15.-


🚩จุดเด่น: คือสามารถสั่งเครื่องดื่มและเบเกอรีของพันธุ์ไทยมาทานคู่กันได้ในร้านเดียวกัน ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้หลากหลายมากขึ้น

🚙ที่จอดรถ: มีที่จอดรถริมคลอง 


 
ก๋วยเตี๋ยวเรือพันธุ์ไทยเป็น "โมเดลทดลอง" ของพันธุ์ไทย ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีการเปิดขายแฟรนไชส์แต่อย่างใด แต่เป็นการทดลองตลาดและสร้างกระแสด้วยกลยุทธ์การตลาดแบบปากต่อปาก ผ่านนักชิมและคอนเทนต์ เพื่อสร้างความสนใจในตัวแบรนด์พันธุ์ไทยโดยรวม

หากต้องการลงทุนในแฟรนไชส์กาแฟ โอกาสก็อยู่ในมือของนักลงทุน เพราะ
● เป็นแบรนด์ที่เติบโตต่อเนื่อง เพิ่มขึ้นเกือบ 500 สาขาในปีเดียว
● มีฐานลูกค้าที่แข็งแกร่งและภาพลักษณ์แบรนด์ที่ชัดเจน
● รูปแบบการลงทุนที่หลากหลาย เหมาะกับศักยภาพของผู้ลงทุนทุกระดับ
● ได้รับการสนับสนุนจากแบรนด์ PTG ที่มีความน่าเชื่อถือสูง
● โอกาสในการเติบโตพร้อมแบรนด์ที่ไม่หยุดพัฒนา เช่น การเพิ่มไลน์ธุรกิจก๋วยเตี๋ยวเรือในอนาคต หากโมเดลต้นแบบนี้ประสบความสำเร็จต่อเนื่อง

สนใจสมัครแฟรนไชส์พันธุ์ไทย ติดต่อได้ที่:
● โทร. 063-189-3701 | 062-242-3931
● เวลาทำการ: จันทร์ - ศุกร์ (09.00 - 17.00 น.)
● ลิงก์ลงทะเบียน https://ptg.kissflow.com/public/Process/Pfac0eb1a0-a183-4542-881a-80e86e59f26f
 

อ้างอิง:
● แบบแสดงรายการข้อมูลประจำปี และรายงานประจำปี 2566 (แบบ 56-1 One Report) บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) https://investor.ptgenergy.co.th/th/downloads/annual-report
● PTG ปี 67 โชว์กำไร 1,042 ล้านบาท รายได้รวม 225,813 ล้านบาท https://www.bangkokbiznews.com/pr-news/news/prnews/1168540 
● Punthai Coffee  https://www.punthaicoffee.com/home