เปิดตัว “ไผ่ทองสเตชั่น” เสิร์ฟความสุขถึงบ้าน จากตำนานไอติมตักรถเข็น สู่แฟรนไชส์ไอศกรีมพรีเมียม

ไม่เคยคิดเลยว่า.. “ไอติมกะทิ” ถ้วยเล็ก ๆ ถ้วยนึง จะสามารถดำรงอยู่ และครองใจคนไทยได้มาอย่างยาวนานกว่า 70 ปี..

เชื่อเหลือเกินว่า หากเพื่อน ๆ ที่เกิดในเจเนอเรชั่น ยุค 80s และ 90s ย่อมต้องรู้จัก เคยเห็น เคยกิน หรือหลายคนเป็น FC โตมากับไอติมกะทิ ก็เจ้านี้นี่ล่ะ เรียกได้ว่า ถ้านึกถึงไอติมกะทิตัก ก็ต้องแบรนด์นี้เท่านั้น

ใช่แล้วล่ะ.. เรากำลังกล่าวถึง “ไผ่ทองไอสครีม” ตำนานกว่า 70 ปี ไอศกรีมกะทิตักสุดคลาสสิคเจ้าแรก ๆ ของประเทศไทย ที่แม้กาลเวลาและยุคสมัยจะแปรเปลี่ยนไปเพียงใด แต่ความนิยมชมชอบไม่ได้ลดน้อยถอยลง และไม่เคยลบเลือนรสชาติความอร่อยของเนื้อไอศกรีมกะทิหอมละมุนนุ่มลิ้น และท็อปปิ้งที่หลากหลายให้จางหายไปจากความทรงจำของใครหลายคนได้เลยแม้แต่น้อย

ฟิลลิ่งที่ได้ยินเสียงกระดิ่งกริ่ง ๆ ที่คุ้นเคยแว่วมาแต่ไกล ภาพจำของเด็ก ๆ กลุ่มวัยรุ่น หรือแม้แต่ชาวบ้านในเมืองและตามต่างจังหวัดในยุคนั้น กับการที่ต้องกำเงินเพื่อออกมายืนโบกมือหรือคอยดักรอรถเร่จากคนขายรุ่นน้ารุ่นลุงที่หน้าหมู่บ้าน ถือเป็นกลิ่นอายและมนต์เสน่ห์ที่ยังคงติดตราตรึง เป็นเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใครและไม่มีใครเหมือน และเชื่อมั่นว่าหลายคนยังจดจำความรู้สึกนั้นได้เป็นอย่างดี

มาวันนี้ ไผ่ทองไอสครีม ยังคงเติบโตและก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง พร้อมกับพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ให้ตอบโจทย์พฤติกรรมของผู้บริโภคในทุก ๆ เจเนอเรชั่น

ตลอดจนการปรับตัว ปรับรูปแบบการนำเสนอในตัวธุรกิจ รวมถึงช่องทางการจำหน่าย การโปรโมทเพื่อให้สอดคล้องเข้ากับยุคสมัยและผู้บริโภคที่เทรนด์ส่วนใหญ่จับจ่ายใช้สอยสินค้าและบริการต่าง ๆ ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์กันมากขึ้น

อย่างไรก็ดี แม้ว่าวิถีชีวิตหรือเทรนด์การใช้จ่ายของผู้คนจะเปลี่ยนไปแค่ไหน แต่ความคลั่ง !! หรือความต้องการที่จะบริโภคไอติมกะทิตักในแต่ละวันของใครหลาย ๆ คน หรือแทบจะทุกวัยนั้นยังไม่เคยเสื่อมคลาย

ผู้บริหารแบรนด์ ‘ไผ่ทอง’ ซึ่งปัจจุบัน คือ รุ่นที่ 3 จึงได้ตกผลึกผุดโปรเจกต์ใหม่ ๆ ขึ้นมาอีกมากมาย ซึ่งแตกหน่อต่อยอดไอเดียการบริหารธุรกิจและสร้างแบรนด์ ภายใต้แรงบันดาลใจและจุดเริ่มต้นเดียวกัน จากไอติมตักในตำนานอย่าง “ไผ่ทองคลาสสิค” ที่มีรูปแบบและภาพจำของรถเข็นขายเร่ ปรับตัวสู่ธุรกิจรูปแบบที่ทันสมัย เข้าถึงผู้บริโภคได้ทุกกลุ่มและทุกช่องทางการสั่งซื้อ โดยหนึ่งในโปรเจกต์ใหม่แต่ไฉไลกว่าเดิมที่จะขอกล่าวถึง นั่นคือ “ไผ่ทองสเตชั่น Paithong Station”

จาก ‘ไอติมตัก’ ระดับท้องถิ่น สู่ ‘อุตสาหกรรมไอศกรีม’ ที่ครองใจคนไทยทั้งประเทศ

คุณณิชา-ปุณณสิริ ชัยผาติกุล ผจก.ฝ่ายพัฒนาธุรกิจแฟรนไชส์ กล่าวว่า “ไผ่ทองสเตชั่น” แจ้งเกิดจากการพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส กับ “โปรโมชันซื้อ 1 แถม 1” ในช่วงเวลาหลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของ Covid -19 ในประเทศไทย เมื่อปี 2563 ที่ผ่านมา

โดยปกติ ไผ่ทองไอสครีม คนเมืองหากินยากอยู่แล้วถ้าไม่เจอคนขายเร่ แล้วยิ่งพอมาล็อกดาวน์ทั้งประเทศ ห้างร้านต่างๆ ก็ปิด ทุกคนก็เกิดอาการ Panic หลายครอบครัวต้องอยู่บ้าน ออกไปซื้อของกินก็ลำบาก

แน่นอน ณ ตอนนั้น เราได้ผลิตสินค้าออกมา ล็อตแรก เพื่อที่จะลองทำตลาด แต่มันยังไม่ได้แม้จะเริ่มทำอะไรมาก ก็มาสะดุดซะนี่....ตอนนั้นคิดแค่ว่า เรามีสินค้าอยู่ในห้องเย็น เต็มไปหมด ประกอบกับ ทางบริษัทฯ ก็ยังต้องรักษาพนักงานเอาไว้ เรามองว่ามีแต่ค่าใช้จ่ายแน่ ๆ แล้วมันจะอีกนานเท่าไหร่ ไม่มีใครรู้ ??

ก็เลยคิดหาทางออก ในการระบายสินค้า หางานให้พนักงานทำ เพื่อหมุนกลับมาเป็นเงินให้ได้มากที่สุด จนในที่สุดก็ ผุด โปรโมชั่น ซื้อ 1 แถม 1 ขึ้นมา ในราคา 390 บาท และต้อง พรีออเดอร์ 1 วัน โดยผ่านช่องทางการขาย ทาง Facebook และ Line @ ของบริษัท ฯ เท่านั้น

ภายหลังจากโพสต์โปรฯ ดังกล่าวผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์และโซเชียลต่าง ๆ จึงเริ่มมีคนพบเห็นและสนใจรวมถึงมีกลุ่มยูทูบเบอร์ , บล็อกเกอร์สายรีวิวอาหารต่าง ๆ มาเจอโพสต์ ก็เริ่มมีออร์เดอร์ เริ่มมีคนสั่งไปกินที่บ้าน และช่วยรีวิวสินค้าให้ด้วย

จึงทำให้โปรฯ ดังกล่าวนี้ กลายเป็น Viral ยอดสั่งถล่มทลาย !! เพียงชั่วข้ามคืน จนเราคิดไม่ถึง ตั้งตัวไม่ทัน มันบูมมากจริง ๆ ภายในสัปดาห์เดียวเอง จำได้ว่าช่วงนั้นเป็นช่วงต้นเดือน เมษายน 2563 ก่อนจะสงกรานต์

พวกเรายังจดจำความรู้สึกนั้นได้ กับการที่ต้องตอบแชททุกช่องทางแทบไม่ทัน จนต้องไปเกณฑ์หาเพื่อน ๆ น้อง ๆ ที่รู้จักมาเป็นแอดมินช่วยกันตอบแชทลูกค้า จนถึงขึ้นปิดรับออเดอร์ชั่วคราว เพราะคิดว่า จะช่วยเบรค ๆ คำสั่งซื้อได้บ้าง แต่..กลับยิ่งทวีความต้องการมากขึ้น จนกลับมาเปิดรับออร์เดอร์ปกติ

“ต้องบอกเลย ว่า ไอติมส่งเดลิเวอรี่ ตอนนั้นมันใหม่มาก ๆ ยังไม่มีเจ้าไหนทำ ถ้าไม่ใช่รายใหญ่จริง ๆ เพราะลูกค้าไม่ค่อยมั่นใจในกระบวนการจัดส่ง เพราะไอติมมัน sensitive เกี่ยวกับอุณหภูมิ ถ้าความเย็นไม่ถึง คือละลาย เสียหาย 100% แต่เราเป็นเจ้าแรก ๆ ที่กล้าทำและพร้อมปรับตัวนำพาตัวเองเข้าสู่แพลตฟอร์มออนไลน์

พูดง่าย ๆ ว่า โปรฯ 1 แถม 1 มันคือ การเปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาสจริง ๆ เพราะในเมื่อคนขายไอติมออกไปขายไม่ได้ คนกินก็ออกนอกบ้านไม่ได้ ในขณะที่สต็อกก็ยังคงอยู่ พนักงานก็ต้องดูแล โรงงานก็ต้องผลิตประคองกันไป เพราะฉะนั้นจึงต้องมีช่องทางระบายสินค้า เราจึงต้องทำเดลิเวอรี่ตรงนี้ให้เกิดให้ได้”

เพราะฉะนั้น “ไผ่ทองสเตชั่น” หากนิยามหรือหาคำมาอธิบายสั้น ๆ เข้าใจง่าย คือ ผลิตภัณฑ์ไอศกรีมสำเร็จรูปพร้อมทาน เสิร์ฟคู่กับท็อปปิ้งที่หลากหลาย บรรจุในบรรจุภัณฑ์ที่ใช้งานสะดวก ปริมาณเหมาะสม ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค

มาพร้อมช่องทางการจัดจำหน่ายรูปแบบ Delivery ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์และ Application Food Delivery ชั้นนำต่าง ๆ เสิร์ฟความอร่อย มอบความสุขและความสนุกในครอบครัว จะลิ้มรสไอศกรีมแบบถ้วยเดี่ยว ๆ หรือสั่งเป็นเซตคู่จุใจกับท็อปปิ้งก็อร่อยฟิน ! คุ้มค่าได้ง่าย ๆ ทุกที่ทุกเวลาส่งตรงถึงบ้านคุณ

คุณณิชา กล่าวต่อว่า โมเดลการปลุกปั้นแบรนด์ ไผ่ทองสเตชั่น เกิดจาก pain point ที่ต่อยอดและพัฒนามาจากไผ่ทองคลาสสิค(ไผ่ทองรถเข็นขายเร่รูปแบบดั้งเดิม)

โดยเรามองว่า ปัจจุบันพฤติกรรมของผู้บริโภค รวมถึงค่านิยมในการทำงานและการใช้ชีวิตของผู้คนปรับเปลี่ยนไวมาก คนรุ่น Gen Y ที่อายุเฉลี่ยประมาณ 35 ปี ถอยหลังลงไปจนถึงอายุ 20 ปลาย ๆ ซึ่งแน่นอนว่า ทุกคนต้องการอยากมี Second Job หรือรายได้ที่สอง แต่ลองนึกเล่น ๆ ดูว่า จะมองหาคนกลุ่มนี้ที่จะมาลงทุนขายไอติมรูปแบบตักเร่เข็นขายแบบคนรุ่นก่อน ๆ มันแทบจะเป็นไปไม่ได้หรือหาได้ยากมากแล้ว

ซึ่งต้องยอมรับว่า คนรุ่นใหม่มีทางเลือกที่มากขึ้น รักความสะดวกสบายมากขึ้น แต่ในขณะเดียวกันเรื่องอาหารการกิน ผู้คนก็ยังคงกินอาหาร ขนมหรือแม้กระทั่งของหวาน ที่รสชาติคุ้นลิ้น รูปลักษณ์ที่คุ้นเคยอยู่ อย่างสินค้าไอศกรีมเอง ณิชา ก็มองว่า ลูกค้าไผ่ทองฯ ยังมีอีกมากที่ยังอยากทานไอศกรีมของเรา แต่คนกลุ่มนั้น จะหาสินค้าเราเจอได้อย่างไร

ด้วยเหตุนี้ เราจึงมองหาวิธีการดำเนินธุรกิจที่ทำให้เข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคเหล่านี้ โดยที่เป็นโมเดลธุรกิจที่ต้องสะดวก ทันสมัย บริหารจัดการง่ายกว่าและต้องดีกว่าเดิม

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ภาพจำของผู้บริโภคหลายคน จะเข้าใจว่า ไผ่ทองมีแต่ไอศกรีมรสชาติกะทิ ที่ตักใส่โคน ใส่ขนมปัง และถ้วยรูปแบบเดิม ๆ ซึ่งก็ไม่แปลกอะไร เพราะรากเหง้าของไผ่ทองเราเติบโตมาแบบนั้น ซึ่งเราก็ยังคงสืบสาน ต่อยอด และพัฒนาอยู่เช่นทุกวันนี้

แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เช่นกันว่า สำหรับผู้บริโภคยุคนี้ ที่อยากจะซื้อไอศกรีมไว้แช่ติดตู้เย็นเพื่อทานที่บ้านเมื่อไหร่ก็ได้นั้น มีจำนวนความต้องการที่มากขึ้นด้วย

เนื่องจากพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปด้วยปัจจัยหลายอย่าง เช่น COVID-19 หรือความต้องการความสะดวกสบายที่อยากจะกินอาหารอยู่ที่บ้านหรือที่พักอาศัย ซึ่งการทานไอศกรีมอยู่ที่บ้าน พร้อมหน้าพร้อมตากับสมาชิกในครอบครัว หรือทานร่วมกับเพื่อน ๆ หรือคนรัก มันถือเป็นกิจกรรมที่ Enjoy และเป็น Emotional ความสุขอย่างหนึ่งเช่นกัน

ด้วยเหตุผลเหล่านี้ เราจึงพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้เป็นรูปแบบของ Take Home เพราะ ‘FC ไผ่ทอง’ มีจำนวนมากอยู่ทั่วประเทศ ดังนั้น มันจึงถูกนำมาขายอยู่ใน “ไผ่ทองสเตชั่น” นี้นั่นเอง

“ด้วยพฤติกรรมของ End User ที่จับจ่ายใช้สอยสั่งซื้อสินค้าผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ที่ได้รับความนิยมอย่างสูง เราจึงมองว่า จะต้องมีสินค้าที่รองรับกลุ่มตลาดออนไลน์ รูปแบบ Retail นี้เพื่อเข้ามาเติมเต็มช่องว่างที่เรายังเข้าไม่ถึง เพราะเราก็อยากเก็บผู้บริโภคให้ได้มากที่สุดในทุก ๆ ช่องทางที่สามารถทำได้

ซึ่งในมุมของผู้บริโภคเอง การที่มี ไผ่ทองสเตชั่น นี้นั้น ทำให้คุณสามารถเข้าถึง ไผ่ทองไอสครีม ได้ทุกช่องทาง ทุกที่ ทุกเวลา อยากกินเมื่อไหร่ คุณสามารถกดสั่งผ่านแอปฯ เดลิเวอรี่ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ในพื้นที่บริการใกล้บ้านคุณ

และในขณะเดียวกัน เราก็ได้เซตรูปแบบการลงทุนแฟรนไชส์ของไผ่ทองสเตชั่น รูปแบบที่มีเอกลักษณ์โดดเด่น มีหน้าร้านเป็นหลักเป็นแหล่ง มีเวลาเปิด ปิดชัดเจน มีการจัดการที่เป็นระบบมากขึ้น

รวมถึงมีคนขายที่ประจำจุดขายนั้น ๆ ที่สามารถจัดเสิร์ฟไอศกรีมพร้อมทาน ที่คง Concept กินกับท๊อปปิ้ง ไทยๆ อย่าง ข้าวเหนียว ถั่วลิสง ให้กับ End User ที่วอล์คอินเข้ามาซื้อที่หน้าร้านก็ดีหรือแม้แต่การสั่งผ่านแอปพลิเคชั่นส่งอาหารต่าง ๆ ได้ในแต่ละพื้นที่อีกด้วย” คุณณิชากล่าว

จุดเด่นของ “ไผ่ทองสเตชั่น” นอกจากรูปแบบการนำเสนอและช่องทางที่ทันสมัยเข้าถึงผู้บริโภคได้ง่ายขึ้นแล้วนั้น ในเรื่องของ Product ก็มีความหลากหลายน่าสนใจมากขึ้นด้วย อย่าง รสชาติ นมฮอกไกโด หรือจะเป็นรสชานมไต้หวัน หรือเผือก ซึ่งเป็น Seasonal Item หมุนเวียนเปลี่ยนไปสร้างสีสันให้กับร้านค้า

สำหรับรสชาติไอศกรีมของ ไผ่ทองสเตชั่น หลัก ๆ มีอยู่ด้วยกัน 9 รสชาติ และรสชาติอื่นๆ ตามเทศกาล แต่พระเอกตลอดกาล คือ ‘กะทิ’ และจะมีรสชาติ โกโก้ และ นมฮอกไกโด ที่ยอดขายดีตามมาติด ๆ

รวมไปถึงการ Adapt รูปแบบการขายไอศกรีม เดิมทีที่เป็นแบบถ้วยเดี่ยว ๆ (single) เราก็ปรับเปลี่ยนขายเป็นเซตบ้าง ขายเป็นชุดพร้อมโคนไอติมหรือท็อปปิ้งที่ลูกค้าสามารถเลือกได้ หรือมีท็อปปิ้งที่เป็น By-Product เป็นเหมือน Snack หรือ คอร์นเฟลกส์ ซีเรียล เราก็มีขายคู่กับไอศกรีมด้วยเช่นกัน โดยคง Concept ให้ร้านเป็น One stop service

“ ขึ้นชื่อว่าเป็น ไผ่ทอง แต่ส่วนผสมและวัตถุดิบเราคัดสรรนำเข้าของดีจากต่างประเทศ มันจึงเป็นคำตอบของคำถามที่หลายคนถามว่า เราอยู่มาได้อย่างไรกว่า 70 ปี ซึ่งคำตอบก็คือ คุณภาพ นี่ล่ะ ”

กำเนิด แฟรนไชส์ซี ไผ่ทองสเตชั่น

ในช่วงที่เริ่มสร้างแบรนด์ ไผ่ทองสเตชั่น ทำให้เกิด ‘แฟรนไชส์ซี’ (Franchisee) หรือ Partner Franchise หลายราย ซึ่งเป็นกลุ่มคนที่มองเห็นโอกาสและเชื่อมั่นว่า โมเดลธุรกิจของ ไผ่ทองสเตชั่น รูปแบบการขายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ และบริการส่งเดลิเวอรี่นี้ มันเป็นไปได้และสามารถทำได้ !!

ซึ่ง คุณณิชา บอกเล่าว่า แฟรนไชส์ซีรายแรกของ ไผ่ทองสเตชั่น เกิดขึ้นเมื่อประมาณเดือนกรกฎาคม 2563 โดยเขาเป็นกัปตันเครื่องบิน สายการบินหนึ่งของประเทศไทย หลังจากที่ประเทศล็อกดาวน์ ไม่มี Flight บิน ทำให้เขามองหาการลงทุนแบบ Second Job ที่จะสามารถทำเงินให้ได้ตอนอยู่บ้าน โดยที่การจัดการน้อยที่สุด สำหรับเขาตอนนั้น ซึ่งหลังจากได้พูดคุยกัน เขามีความเชื่อและชื่นชอบโมเดลการทำไอศกรีมเดลิเวอรี่ของ ไผ่ทองสเตชั่น และพร้อมที่จะเติบโตไปด้วยกันกับเรา

โมเดลธุรกิจของ “ไผ่ทองสเตชั่น” มันตอบโจทย์ตรงที่ว่า บริหารง่ายมาก ๆ โดย แฟรนไชส์ซี แทบจะไม่ต้องทำอะไรเลย แค่มีหน้าร้าน มีพื้นที่ลงตู้แช่แข็ง เข้าใจในการทำร้านค้าผ่าน โซเชียลเล็กน้อย สมัครร้านค้าและเปิดระบบแอปฯ เดลิเวอรี่ เพื่อรับออร์เดอร์ลูกค้า เตรียมแพ็กไอศกรีมเพื่อพร้อมจัดส่ง หรือรอพนักงานรับส่งอาหาร(ไรเดอร์) มารับเพื่อไปส่งมอบลูกค้าของคุณ เพียงเท่านี้ ก็สามารถเริ่มต้นทำธุรกิจได้แล้ว

หรือหากไม่มีทำเล ไม่สะดวกมีหน้าร้าน โดยโมเดลของ ไผ่ทองสเตชั่น ก็สามารถยืดหยุ่นให้ผู้ลงทุนเปิดในรูปแบบ ‘โฮมเดลิเวอรี่’ หรือ ‘ไดรฟ์ทรู’ (Drive Thru) ซึ่งสามารถทำธุรกิจนี้เป็น Second Job ได้ง่าย ๆ เพราะหลาย ๆ ท่าน ก็ WFH อยู่ที่บ้านอยู่แล้ว ก็แทรกธุรกิจนี้เพิ่มเข้าไปได้ จะทำเองก็ดี หรือ ลงทุนให้คนที่บ้านก็ดี ก็สะดวกมาก ๆ

ทั้งนี้ ระบบหลังบ้านต่าง ๆ เช่น การสมัครแอปฯ เดลิเวอรี่แต่ละค่าย ทางบริษัท ฯ จะช่วยแนะนำให้กับแฟรนไชส์ซีทุกราย รวมถึงสนับสนุนการทำ Artwork รูปภาพ-ข้อมูลแอดโฆษณา จัดทำโปรโมชันต่าง ๆ ซึ่งไม่ต้องกังวล ว่าจะทำไม่เป็น เพราะเราจะ Training ให้คุณกลายเป็นมือโพสต์/มือขายไอศกรีมออนไลน์แบบมืออาชีพแน่นอน

ปัจจุบัน “ไผ่ทองสเตชั่น” ค่อย ๆ ขยับขยายสาขา (40+ สาขา) โดยมีผู้ที่สนใจติดต่อสอบถามจำนวนมาก ในส่วนสาขาแฟรนไชส์ที่ลงทุนและเปิดให้บริการแล้ว ส่วนใหญ่อยู่ในกรุงเทพฯ ปริมณฑล และต่างจังหวัดตามหัวเมืองใหญ่ ๆ

ทั้งนี้ การขยายแฟรนไชส์ ไผ่ทองสเตชั่น ต้องดูในหลาย ๆ ปัจจัย ยกตัวอย่างเช่น พฤติกรรมของผู้บริโภค , แอปฯ เดลิเวอรี่ที่รองรับและเข้าถึงการให้บริการในพื้นที่นั้นๆ ด้วย

รูปแบบการลงทุน แฟรนไชส์ไผ่ทองสเตชั่น มีให้เลือก ดังนี้

TYPE S เริ่มต้น 45,500 บาท เหมาะสำหรับรูปแบบ โฮมเดลิเวอรี่ หรือ เช่า พื้นที่หน้าร้าน ที่มีขนาด 2*2 ตรม. เป็นต้นไป ( Indoor) อุปกรณ์ที่ได้รับ ได้แก่

• ตู้แช่แข็ง ขนาด 10.2 คิว

• ธงญี่ปุ่น ขนาด 50x120 ซม.

• สแตนดี้ ขนาด 60x160 ซม.

• สื่อประชาสัมพันธ์ ป้ายเมนูครบครัน

• อุปกรณ์หน้าร้านครบพร้อมขาย ยกตัวอย่างเช่น โหลแก้วใส่ท็อปปิ้ง , ขวดซอส, กล่องใส่โคนไอศกรีม, หม้ออุ่นอาหาร ขนาด 12 ลิตร , ถุงฟอยล์เก็บความเย็น ขนาด 6*14 นิ้ว, ถุงพลาสติกหูหิ้ว ฯลฯ

• ไอศกรีมพร้อมขาย (จำนวนพร้อมขายได้ทันทีเบื้องต้น ตามแพ็กเกจการลงทุน) ยกตัวอย่างเช่น ไอศกรีมกล่อง น้ำหนัก 1กก. , ไอศกรีมถ้วย น้ำหนัก 80 กรัม คละรสชาติ , ท็อปปิ้งหลายรายการ คละชนิด จัดให้เป็นชุด ๆ และอื่น ๆ พร้อมเริ่มต้นธุรกิจและขายได้ทันที

TYPE M เริ่มต้น 56,900 บาท เหมาะสำหรับแบบมีหน้าร้าน อาจเป็นพื้นที่ ตลาดอาหารสำเร็จรูป อุปกรณ์ที่ได้รับ ได้แก่

• ตู้แช่แข็ง ขนาด 10.2 คิว

• เคาน์เตอร์ (KIOSK) พับเก็บได้ ขนาด 120x70 ซม.

* ในส่วนสื่อประชาสัมพันธ์ , อุปกรณ์การขาย , ไอศกรีม+ท็อปปิ้ง ได้รับจำนวนเพิ่มขึ้นตามไซส์แพ็กเกจการลงทุน พร้อมเริ่มต้นธุรกิจและพร้อมขายได้ทันที

TYPE L เริ่มต้น 65,900 บาท เหมาะสำหรับแบบมีหน้าร้าน และผู้ที่ลงทุนอยู่ต่างหวัด ซึ่งจะได้รับตู้แช่แข็งขนาดใหญ่ โดยอุปกรณ์ที่ได้รับ ได้แก่

• ตู้แช่แข็ง ขนาด 18.3 คิว แบบฝาบน 2 บาน จำนวน 1 ตู้

• เคาน์เตอร์ (KIOSK) พับเก็บได้ พร้อมหุ้มสติ๊กเกอร์ 1 ชุด

* ในส่วนสื่อประชาสัมพันธ์ , อุปกรณ์การขาย , ไอศกรีม+ท็อปปิ้ง ได้รับเพิ่มขึ้นตามไซส์แพ็กเกจการลงทุน พร้อมเริ่มต้นธุรกิจและพร้อมขายได้ทันที

TYPE XL เริ่มต้น 104,900 บาท เหมาะสำหรับแบบมีหน้าร้าน ซึ่งรูปแบบนี้ ผู้ลงทุนจะได้รับซุ้มร้านขนาด 2x2 เมตร ทรงโมเดิร์น สวยงามโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ โดยอุปกรณ์ที่ได้รับ ได้แก่

• ตู้แช่แข็ง ขนาด 10.2 คิว จำนวน 1 ตู้

• ซุ้มร้านขนาด 2x2 เมตร ทรงโมเดิร์น จำนวน 1 หลัง

ตลาดไอศกรีมยังเติบโต เทรนด์เดลิเวอรี่พุ่ง !! ฉุดไม่อยู่

เมื่อถามถึงคู่แข่งขันโดยตรงของตลาดไอศกรีมในบ้านเรา โดย คุณณิชา เปิดเผยว่า อาจดูว่า ผู้ผลิตและจำหน่ายไอศกรีมมีหลายแบรนด์ แต่มันก็ไม่ได้สูงเป็น Red Ocean ขนาดนั้น ส่วนตัวมองว่า ไอศกรีมแต่ละแบรนด์ ไม่ว่าเจ้าเล็กหรือเจ้าใหญ่ แต่ละคนมีเอกลักษณ์ มี CI.เป็นของตัวเอง และอยู่คนละ Position

เพราะฉะนั้นโอกาสทางธุรกิจและส่วนแบ่ง Margin ของตลาดไอศกรีมยังมีอยู่ ถ้าเรามองเห็นโอกาสและทำให้ตรงจุด ถูกใจถูกกลุ่มผู้บริโภค ยังไงก็ยังเป็นเจ้าตลาดใน Segment นั้น ๆ ได้อย่างแน่นอน

เชื่อว่า แต่ละแบรนด์มีวิถีการทำธุรกิจและมี Signature ที่ไม่มีทางเหมือนกัน มันจึงทำให้ ไผ่ทองไอสครีม ก็ยังไปต่อได้ในอุตสาหกรรมนี้ ในเส้นทางในแบบของเรา

จริง ๆ มองในมุมกลับกัน ไอศกรีมถือเป็น Blue Ocean ด้วยซ้ำ เพราะลองนึกดูรายชื่อผู้ผลิตและจำหน่ายไอศกรีมในบ้านเรา จริง ๆ ก็นับหัวได้ มีไม่กี่ราย และเพราะว่า กระบวนการผลิต , การจัดส่ง , ช่องทางจำหน่ายและวิธีการทำตลาด ก็ไม่เหมือนกัน แต่ละรายมีความเป็นอัตลักษณ์ทั้งเรื่องของรสชาติ และ Emotional ของแต่ละคนแต่ละแบรนด์ซึ่งก็ไม่เหมือนกัน

รูปแบบ Food Truck เพื่อประชาสัมพันธ์ตามงานอีเว้นท์ต่าง ๆ

อุตสาหกรรมไอศกรีมในบ้านเรายังมีผู้เล่นน้อยรายอยู่ จริงอยู่ที่มีรายย่อยเกิดขึ้นเยอะ แต่ก็ยังไม่ถึงกับ Red Ocean และก็ยังไม่ใช่ระดับอุตสาหกรรมแบบไผ่ทองฯ มากนัก สังเกตว่า มักจะมีแบรนด์เกิดใหม่แต่ก็มีแบรนด์ที่ล้มหายตายจากไปเป็นเรื่องปกติ

เพราะฉะนั้นการสร้างแบรนด์มันไม่ใช่สร้างกันได้ง่าย ๆ ในเวลาอันรวดเร็ว มันต้องรู้จักลูกค้า และอยู่ให้ถูกที่ ถูกเวลา และคงไว้ซึ่งคุณภาพ และความต่อเนื่องนั่นเอง

รูปแบบตู้ Vending Machine ที่เริ่มติดตั้งให้บริการตามจุดต่าง ๆ แล้วในกรุงเทพฯ
เปิดตัว ไผ่ทองสเตชั่น เสิร์ฟความสุขถึงบ้าน จากตำนานไอติมตักรถเข็น สู่แฟรนไชส์ไอศกรีมพรีเมียม

“ไผ่ทอง” ที่ยังอยู่ได้จนถึงวันนี้ แน่นอนว่า นอกจากเรื่องคุณภาพ ก็คือ “ชื่อ” ของยี่ห้อนั่นแหละที่ขายได้ด้วยตัวมันเอง ตั้งแต่รุ่น อากงอาม่ารุ่นแรก ที่สร้างเอาไว้ รักษารสชาติ รักษาคุณภาพ รักษาคอนเน็คชั่น ความจริงใจซื่อสัตย์ รักษาตัวแทนและฐานลูกค้า ทำอย่างสม่ำเสมอ มันจึงทำให้มี ‘FC ไผ่ทอง’ จนถึงทุกวันนี้ ก็ต้องฝ่าฝัน ปัญหาอุปสรรคมาไม่น้อยเหมือนกัน

“ ไผ่ทอง เคยอยู่ตลาด Mass มาโดยตลอด เหมือนเราเคยทำแต่รูปแบบ wholesale มานาน เป็นรูปแบบไอศกรีมตัก นั่นคือภาพจำของหลาย ๆ คน แต่ตอนนี้เราปรับตัวและยกระดับสู่ตลาดพรีเมียม ด้วยความที่เป็นอุตสาหกรรมไอศกรีมมายาวนาน วันนี้เราพร้อมแล้ว และอยากบอกให้ทุกคนรู้ว่า ไผ่ทอง ก็ทำไอศกรีมพรีเมียม ได้เหมือนกัน ”

ในตอนท้าย คุณณิชา ได้กล่าวฝากแบรนด์ “ไผ่ทองสเตชั่น” ถึงกลุ่มผู้บริโภค รวมถึงนักลงทุนหรือผู้ที่อยากมีรายได้เสริม Second Job ไว้ด้วยว่า

ฝากถึงผู้บริโภค ถ้าหากคุณอยากทานไอศกรีมไผ่ทองง่าย ๆ ไม่ว่าจะเป็นที่บ้านหรือที่ไหนก็ได้ คุณก็ยังอิ่มอร่อยมีความสุขกับแก๊งหรือกับครอบครัวได้ตลอด ซึ่งตอนนี้เราก็ปรับรูปแบบเอาตัวเองเข้ามาอยู่ในแพลตฟอร์มออนไลน์ อย่างเป็นระบบ สะดวกสั่ง สะดวกซื้อ สะดวกทาน และเข้าถึง End User ทุกกลุ่มได้มากขึ้น

อยากให้ลองสัมผัสรสชาติที่คุ้นเคยแต่เปิดประสบการณ์ใหม่ ๆ โดยสั่งทานผ่านแอปฯ เดลิเวอรี่ได้ทุกค่ายที่สะดวก หรือหากพบเห็นไผ่ทองสเตชั่น ใกล้บ้านคุณ ก็อยากให้ลองเปิดใจเข้าไปสั่งทาน รับรองไม่ผิดหวังแน่นอน

โดยผลิตภัณฑ์ไอศกรีมของเรามีขนาดไซส์ที่ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้า ที่เป็นครอบครัวขนาดเล็ก หรือจะอยู่คอนโด ตู้เย็นเล็กก็ไม่ต้องกังวล มีหลายตัวเลือก และรสชาติใหม่ ๆ ที่ในไผ่ทองคลาสสิคไม่มี แต่ ไผ่ทองสเตชั่น มีให้คุณได้ลองทานแน่นอน

และยังมีท็อปปิ้งอร่อย ๆ ที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นแบบไทย ๆ คลาสสิค ข้าวเหนียว ถั่วลิสง มันเชื่อม มาในบรรจุภัณฑ์ที่ดูพรีเมียมขึ้น รวมถึงช็อกโกแลต ราดแล้วกรอบ กรุบ ๆ ที่เป็น Signature เหมือนกัน ประหนึ่งว่ายกรถเข็น มาอยู่บนมือถือเลย

หรือในมุมของการจัดเลี้ยง Office Catering หรืองานอีเว้นท์ – Organize ต่าง ๆ หากคุณมีคอนเน็คชั่น และกำลังมองหาของหวานที่ไม่ใช่รูปแบบเดิม ๆ โดย ไผ่ทองสเตชั่น ก็พร้อมรับบริการออร์เดอร์ของ Catering ด้วยเช่นกัน

ซึ่งในเรื่องปริมาณการจัดส่ง, การแพ็กเกจจิ้ง, การรักษาอุณหภูมิระหว่างขนส่งจนถึงปลายทางผู้รับ ไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป ลองติดต่อสอบถามมาที่บริษัทได้โดยตรงค่ะ

และฝากถึงกลุ่มของผู้ที่อยากลงทุน หรือกำลังมองหา Second Job หรือคนที่กำลังทำงานประจำ และมองหารายได้เสริมที่จัดการที่บ้านได้ ที่ไม่ต้องเหนื่อยเตรียมของอะไรมาก ก็สามารถลงทุนกับ ไผ่ทองสเตชั่น ได้เช่นกัน

ซึ่งแบรนด์เราเป็นที่รู้จัก มีโมเดลธุรกิจที่การจัดการเหมือน บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป การจัดการน้อย ลดขั้นตอนที่ยุ่งยาก มีบริษัทช่วยซัพพอร์ทให้ทุกเรื่อง ทั้งเรื่องจัดส่งสินค้า การสอนใช้แอปฯ เดลิเวอรี่ มีสื่อโฆษณาช่วยส่งเสริมการขายทั้งออนไลน์และออฟไลน์ให้ตลอด ฯลฯ

หรือแม้แต่กลุ่มคนสูงอายุ หรือรุ่นใหญ่วัยเกษียณ ที่ไม่อยากอยู่บ้านเฉย ๆ อยากมองหาคุณค่าให้ชีวิตตัวเอง อยากช่วยลูกหลานทำอะไรได้ก็อยากทำ ซึ่งการลงทุนกับ ไผ่ทองสเตชั่น โดยทำเป็นรูปแบบ โฮมเดลิเวอรี่ ก็ตอบโจทย์เช่นกัน ช่วยให้มีกิจกรรมให้ทำ ให้สมองได้คิด ได้หยิบจับ ได้ช่วยลูกหลานจัดออร์เดอร์ เติมความสัมพันธ์ที่ดีในครอบครัวและเพิ่มคุณค่าในชีวิตได้เหมือนกัน และที่สำคัญ ‘ได้เงินเพิ่ม’ ด้วยนะคะ

สนใจแฟรนไชส์ ไผ่ทองสเตชั่น ติดต่อได้ทุกช่องทาง

Address : 1/27 หมู่ 7 ต.อ้อมน้อย อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร 74130

Call Center : 099 195 6665, ณิชา 065-9590928

Facebook : PaithongIcecreamStation , https://web.facebook.com/PaithongIcecreamStation/

Email : Paithong.Station@gmail.com

LINE : @paithongstation (มี @ นำหน้าด้วยนะคะ)

รูปภาพ