เอสเอ็มอีญี่ปุ่นรุกจับคู่ธุรกิจไทยกว่า 70 คู่ในงาน "Tokyo-Thailand Food Business Matching 2020"
เอสเอ็มอีญี่ปุ่นรุกจับคู่ธุรกิจไทย พลิกวิกฤติโควิดเป็นโอกาส มุ่งสนับสนุนอุตสาหกรรมอาหารไทยมูลค่า 1 ล้านล้านบาท ทั้งด้านการผลิต และนวัตกรรมใหม่ พร้อมจัดงาน “Tokyo-Thailand Food Business Matching 2020” ลุ้นจับคู่ธุรกิจกว่า 70 คู่
นางโทโมโกะ อุจิดะ ผู้จัดการทั่วไป ฝ่ายงานด้านกลยุทธ์ ศูนย์ส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งมหานครโตเกียว (Tokyo SME Support Center)กล่าวว่า เอสเอ็มอี โตเกียว ต้องการขยายธุรกิจในภูมิภาคอาเซียนมากขึ้น เนื่องจากเป็นภูมิภาคที่กำลังเติบโต จึงเลือกจัดตั้งสำนักงานในประเทศไทยเพื่อให้เป็นศูนย์กลางในการขยายธุรกิจในภูมิภาคนี้ ยิ่งในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19ที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั่วโลก เราเห็นเป็นโอกาสที่จะขยายธุรกิจในต่างประเทศเพิ่มขึ้น
“แม้โควิด-19 จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในหลายประเทศทั่วโลก แต่เอสเอ็มอียังคงขยายตัว โดยเฉพาะอุตสาหกรรมอาหารในประเทศไทยที่มีความแข็งแกร่ง ซึ่งญี่ปุ่นพร้อมจะสนับสนุนเทคโนโลยี นวัตกรรมในการแปรรูปอาหาร ให้สอดรับกับนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ของรัฐบาล เพื่อยกระดับภาคอุตสาหกรรมให้มีความทันสมัยมากยิ่งขึ้น”นางอุจิดะกล่าว
ทั้งนี้ อุตสาหกรรมอาหารในประเทศไทย มีมูลค่ากว่า 1 ล้านล้านบาท สูงกว่าญี่ปุ่นถึง 4 เท่าตัว ซึ่งนโยบายของรัฐบาลไทย โดยกระทรวงอุตสาหกรรมมุ่งยกระดับอุตสาหกรรมอาหารไปสู่กระบวนการผลิตที่ทันสมัย เพื่อเพิ่มมูลค่าการส่งออกได้มากยิ่งขึ้น จึงเป็นโอกาสที่ญี่ปุ่นและไทยจะร่วมมือกันเพื่อยกระดับอุตสาหกรรมอาหารของไทย โดยญี่ปุ่นมีความพร้อมสนับสนุนเทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัย มีนวัตกรรมใหม่สำหรับกระบวนการแปรรูปอาหาร
นายมาซายูกิ คิมุระ ผู้จัดการทั่วไป ศูนย์ส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งมหานครโตเกียว (Tokyo SME Support Center) กล่าวว่า Tokyo SME Support Centerจัดตั้งขึ้นตั้งแต่ปี 2558เพื่อสนับสนุนธุรกิจเอสเอ็มอีไทยและญี่ปุ่นที่ต้องการร่วมมือและขยายธุรกิจระหว่างสองประเทศ ซึ่งในช่วง 3 ปีที่ผ่านมามีแนวโน้มความร่วมมือทางธุรกิจเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง มีการจับคู่ธุรกิจสำเร็จกว่า 20 คู่ โดยเฉพาะการสนับสนุนด้านกระบวนการผลิต ธุรกิจไลฟ์สไตล์ และเฮลท์แคร์ ขณะที่ธุรกิจไทยที่ขยายไปญี่ปุ่น ส่วนใหญ่เป็นอุตสาหกรรมอาหาร
นายคิมุระ กล่าวว่า แนวโน้มความต้องการของผู้ประกอบการไทย ในปัจจุบันมีความหลากหลาย โดยเฉพาะเทคโนโลยีและกระบวนการผลิตสมัยใหม่ รวมถึงนวัตกรรมในการแปรรูปอาหาร เช่น การควบคุมเชื้อแบคทีเรียในผลิตภัณฑ์รักษารสสัมผัสของอาหารบรรจุภัณฑ์แพ็คเดี่ยวยืดอายุผลิตภัณฑ์และอุณหภูมิที่สามารถเก็บรักษาผลิตภัณฑ์ เป็นต้น
นอกจากนี้ Tokyo SME Support Center ยังได้มีการจัดสัมมนาให้ความรู้แก่ผู้ประกอบการไทยและญี่ปุ่นในทุกปี โดยมีการติดต่อสำรวจความต้องการจากผู้ประกอบการไทยอย่างละเอียดอยู่เสมอ ทั้งบริษัทและโรงงาน จำนวนกว่า 100 ครั้งต่อปี โดยการสนับสนุนผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมอาหาร อยู่ภายใต้แนวคิด 3 ประการ คือ การติดตั้งเครื่องจักร , พัฒนาผลิตภัณฑ์ร่วมกัน และการว่าจ้าง-รับจ้างผลิต OEM
ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพ
https://www.posttoday.com/
นางโทโมโกะ อุจิดะ ผู้จัดการทั่วไป ฝ่ายงานด้านกลยุทธ์ ศูนย์ส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งมหานครโตเกียว (Tokyo SME Support Center)กล่าวว่า เอสเอ็มอี โตเกียว ต้องการขยายธุรกิจในภูมิภาคอาเซียนมากขึ้น เนื่องจากเป็นภูมิภาคที่กำลังเติบโต จึงเลือกจัดตั้งสำนักงานในประเทศไทยเพื่อให้เป็นศูนย์กลางในการขยายธุรกิจในภูมิภาคนี้ ยิ่งในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19ที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั่วโลก เราเห็นเป็นโอกาสที่จะขยายธุรกิจในต่างประเทศเพิ่มขึ้น
“แม้โควิด-19 จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในหลายประเทศทั่วโลก แต่เอสเอ็มอียังคงขยายตัว โดยเฉพาะอุตสาหกรรมอาหารในประเทศไทยที่มีความแข็งแกร่ง ซึ่งญี่ปุ่นพร้อมจะสนับสนุนเทคโนโลยี นวัตกรรมในการแปรรูปอาหาร ให้สอดรับกับนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ของรัฐบาล เพื่อยกระดับภาคอุตสาหกรรมให้มีความทันสมัยมากยิ่งขึ้น”นางอุจิดะกล่าว
ทั้งนี้ อุตสาหกรรมอาหารในประเทศไทย มีมูลค่ากว่า 1 ล้านล้านบาท สูงกว่าญี่ปุ่นถึง 4 เท่าตัว ซึ่งนโยบายของรัฐบาลไทย โดยกระทรวงอุตสาหกรรมมุ่งยกระดับอุตสาหกรรมอาหารไปสู่กระบวนการผลิตที่ทันสมัย เพื่อเพิ่มมูลค่าการส่งออกได้มากยิ่งขึ้น จึงเป็นโอกาสที่ญี่ปุ่นและไทยจะร่วมมือกันเพื่อยกระดับอุตสาหกรรมอาหารของไทย โดยญี่ปุ่นมีความพร้อมสนับสนุนเทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัย มีนวัตกรรมใหม่สำหรับกระบวนการแปรรูปอาหาร
นายมาซายูกิ คิมุระ ผู้จัดการทั่วไป ศูนย์ส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งมหานครโตเกียว (Tokyo SME Support Center) กล่าวว่า Tokyo SME Support Centerจัดตั้งขึ้นตั้งแต่ปี 2558เพื่อสนับสนุนธุรกิจเอสเอ็มอีไทยและญี่ปุ่นที่ต้องการร่วมมือและขยายธุรกิจระหว่างสองประเทศ ซึ่งในช่วง 3 ปีที่ผ่านมามีแนวโน้มความร่วมมือทางธุรกิจเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง มีการจับคู่ธุรกิจสำเร็จกว่า 20 คู่ โดยเฉพาะการสนับสนุนด้านกระบวนการผลิต ธุรกิจไลฟ์สไตล์ และเฮลท์แคร์ ขณะที่ธุรกิจไทยที่ขยายไปญี่ปุ่น ส่วนใหญ่เป็นอุตสาหกรรมอาหาร
ล่าสุด Tokyo SME Support Center เตรียมจัดงาน Tokyo-Thailand Food Business Matching 2020To resolve concerning issues of 10 Thai Companies by Japanese Innovation” เป็นกิจกรรมจับคู่ธุรกิจระหว่าง “เอสเอ็มอีของไทย” กับ “เอสเอ็มอีจากญี่ปุ่น” เพื่อจับคู่ธุรกิจที่ตอบโจทย์ความต้องการของแต่ละแห่ง โดยมี Tokyo SME Support Center ทำหน้าที่เป็นตัวกลางคัดสรรผู้ประกอบการเอสเอ็มอีจากญี่ปุ่น มาเจรจาธุรกิจกับเอสเอ็มอีของไทยจำนวน 10 แห่ง ในวันอังคารที่ 17 - วันพุธที่ 18 พฤศจิกายน 2563 ณ โรงแรมแลนด์มาร์ค กรุงเทพฯ ชั้น 3 ห้องสุขุมวิท 7-11 ทั้งนี้ คาดว่าจะเกิดการเจรจาทางธุรกิจมากกว่า 70 คู่ค้า
นายคิมุระ กล่าวว่า แนวโน้มความต้องการของผู้ประกอบการไทย ในปัจจุบันมีความหลากหลาย โดยเฉพาะเทคโนโลยีและกระบวนการผลิตสมัยใหม่ รวมถึงนวัตกรรมในการแปรรูปอาหาร เช่น การควบคุมเชื้อแบคทีเรียในผลิตภัณฑ์รักษารสสัมผัสของอาหารบรรจุภัณฑ์แพ็คเดี่ยวยืดอายุผลิตภัณฑ์และอุณหภูมิที่สามารถเก็บรักษาผลิตภัณฑ์ เป็นต้น
นอกจากนี้ Tokyo SME Support Center ยังได้มีการจัดสัมมนาให้ความรู้แก่ผู้ประกอบการไทยและญี่ปุ่นในทุกปี โดยมีการติดต่อสำรวจความต้องการจากผู้ประกอบการไทยอย่างละเอียดอยู่เสมอ ทั้งบริษัทและโรงงาน จำนวนกว่า 100 ครั้งต่อปี โดยการสนับสนุนผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมอาหาร อยู่ภายใต้แนวคิด 3 ประการ คือ การติดตั้งเครื่องจักร , พัฒนาผลิตภัณฑ์ร่วมกัน และการว่าจ้าง-รับจ้างผลิต OEM
ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพ
https://www.posttoday.com/
2,098 คน
ข่าวธุรกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
©2024 TaokaeCafe.com