“เลี้ยงหอยแครงบ่อปิดกึ่งธรรมชาติ” เพิ่มผลผลิต ลดต้นทุนนำเข้า
เมื่อพูดถึงอาหารทะเล “หอยแครง” ก็คงจะเป็นเมนูอันดับต้นๆ ที่หลายๆ คนนึกถึง และหลายคนคงจะมีความเข้าใจว่า หอยแครงที่กินอยู่เป็นหอยที่เกิดขึ้นในธรรมชาติของประเทศไทย แต่ในความเป็นจริงหอยแครงที่มีขายตามท้องตลาดในประเทศไทยนั้นไม่ได้เกิดขึ้นที่ประเทศไทย
ดร.สุพรรณี ลีโทชวลิต หัวหน้าฝ่ายสถานเลี้ยงสัตว์น้ำเค็ม สถาบันวิทยาศาสตร์ทางทะเล มหาวิทยาลัยบูรพา กล่าวว่า ปัจจุบันหอยแครงสายพันธุ์ไทยที่อาศัยอยู่ตามธรรมชาตินั้นลดน้อยลงมาก เนื่องจากสิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ทำให้หอยแครงตามธรรมชาติขยายพันธุ์ได้ช้า
อีกทั้งความต้องการของตลาดในการบริโภคหอยแครงยังสูง จึงทำให้ชาวบ้านที่ประกอบอาชีพเลี้ยงหอยต้องรับลูกพันธุ์มาจากต่างประเทศ เช่น มาเลเซีย พม่า ในราคาประมาณกระสอบละ 30,000 บาท โดยหนึ่งกระสอบมี 10 กิโลกรัม ทำให้ราคาหอยแครงตามท้องตลาดมีราคาสูง เพราะต้องนำเข้าลูกพันธุ์จากต่างประเทศ
ด้วยการอยากช่วยลดต้นทุนของผู้ทำอาชีพเลี้ยงหอยแครง จึงได้ร่วมมือกับ ชาวบ้านคลองโคน จังหวัดสมุทรสงคราม ซึ่งเป็นพื้นที่สำคัญในการเลี้ยงหอยแครงจำหน่ายในประเทศไทย คิดค้นวิธีการ “เลี้ยงหอยแครงในบ่อปิดกึ่งธรรมชาติ” เนื่องจากวิธีนี้ สามารถควบคุมปัจจัยต่าง ๆ ได้ ไม่ต้องกังวลเรื่องสภาพอากาศแบบเลี้ยงในธรรมชาติ ทำให้ได้ผลผลิตหอยแครงในปริมาณที่มาก ช่วยเพิ่มกำไรและลดต้นให้กับผู้ทำอาชีพเลี้ยงหอยแครง
การเลี้ยงหอยแครงในบ่อปิดกึ่งธรรมชาติ เป็นการเลี้ยงในบ่อกุ้งเดิมในเขตพื้นที่คลองโคน ที่มีมาอยู่ก่อนหน้านั้นแล้ว โดยทำการปรับสภาพดินและน้ำให้เหมาะกับการเลี้ยง ซึ่งวิธีการนั้นในแต่ละเดือนจะปล่อยน้ำเข้า - ออก 2 ครั้ง เพื่อปรับคุณภาพของน้ำภายในบ่อให้มีความสมดุล
โดยการปล่อยน้ำเข้า-ออกบ่อนั้นจะอาศัยช่วงเวลาที่น้ำทะเลขึ้นและลง เลี้ยงหอยแครงในบ่อปิดกึ่งธรรมชาติ โดยมีระยะในการเลี้ยงประมาณ 8 เดือน - 1 ปี จึงสามารถจับขายได้ และวิธีนี้หรือสามารถขายพันธุ์เพื่อจำหน่ายลูกหอย เหมือนกับการเลี้ยงตามธรรมชาติ ซึ่งราคาหอยแครงในท้องตลาดปัจจุบัน มีราคาอยู่ที่ กิโลกรัมละ 160 - 190 บาท ซึ่งถือว่ามีราคาที่ค่อนข้างสูงสำหรับผู้บริโภค
จึงเป็นอีกหนึ่งวิธีในการลดต้นทุนในการนำเข้าลูกหอยแครงจากต่างประเทศ และลดความเสี่ยงเรื่องปัจจัยทางธรรมชาติต่างๆ ช่วยทำให้ปริมาณการรอดของหอยแครงมากขึ้น และช่วยทำให้เพียงพอต่อความต้องการของตลาด หากวิธีนี้ประสบผลสำเร็จแล้ว ในอนาคตราคาหอยแครงกาจจะลดลงกว่านี้ ทำให้ผู้ที่บริโภคสามารถกินหอยแครงในราคาที่ย่อมเยา และช่วยให้ผู้ที่มีงบน้อยเข้าถึงได้ง่ายขึ้นอีกด้วย
🙇♂️ที่มาข้อมูลและรุปภาพ : https://mgronline.com/smes/detail/9640000028937?fbclid=IwAR1zX03ggg_XyMVIrdcHYOWjJ26PSNHw835zGixVvy-LA3r7TJPi24mc3qc
ดร.สุพรรณี ลีโทชวลิต หัวหน้าฝ่ายสถานเลี้ยงสัตว์น้ำเค็ม สถาบันวิทยาศาสตร์ทางทะเล มหาวิทยาลัยบูรพา กล่าวว่า ปัจจุบันหอยแครงสายพันธุ์ไทยที่อาศัยอยู่ตามธรรมชาตินั้นลดน้อยลงมาก เนื่องจากสิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ทำให้หอยแครงตามธรรมชาติขยายพันธุ์ได้ช้า
อีกทั้งความต้องการของตลาดในการบริโภคหอยแครงยังสูง จึงทำให้ชาวบ้านที่ประกอบอาชีพเลี้ยงหอยต้องรับลูกพันธุ์มาจากต่างประเทศ เช่น มาเลเซีย พม่า ในราคาประมาณกระสอบละ 30,000 บาท โดยหนึ่งกระสอบมี 10 กิโลกรัม ทำให้ราคาหอยแครงตามท้องตลาดมีราคาสูง เพราะต้องนำเข้าลูกพันธุ์จากต่างประเทศ
ด้วยการอยากช่วยลดต้นทุนของผู้ทำอาชีพเลี้ยงหอยแครง จึงได้ร่วมมือกับ ชาวบ้านคลองโคน จังหวัดสมุทรสงคราม ซึ่งเป็นพื้นที่สำคัญในการเลี้ยงหอยแครงจำหน่ายในประเทศไทย คิดค้นวิธีการ “เลี้ยงหอยแครงในบ่อปิดกึ่งธรรมชาติ” เนื่องจากวิธีนี้ สามารถควบคุมปัจจัยต่าง ๆ ได้ ไม่ต้องกังวลเรื่องสภาพอากาศแบบเลี้ยงในธรรมชาติ ทำให้ได้ผลผลิตหอยแครงในปริมาณที่มาก ช่วยเพิ่มกำไรและลดต้นให้กับผู้ทำอาชีพเลี้ยงหอยแครง
การเลี้ยงหอยแครงในบ่อปิดกึ่งธรรมชาติ เป็นการเลี้ยงในบ่อกุ้งเดิมในเขตพื้นที่คลองโคน ที่มีมาอยู่ก่อนหน้านั้นแล้ว โดยทำการปรับสภาพดินและน้ำให้เหมาะกับการเลี้ยง ซึ่งวิธีการนั้นในแต่ละเดือนจะปล่อยน้ำเข้า - ออก 2 ครั้ง เพื่อปรับคุณภาพของน้ำภายในบ่อให้มีความสมดุล
โดยการปล่อยน้ำเข้า-ออกบ่อนั้นจะอาศัยช่วงเวลาที่น้ำทะเลขึ้นและลง เลี้ยงหอยแครงในบ่อปิดกึ่งธรรมชาติ โดยมีระยะในการเลี้ยงประมาณ 8 เดือน - 1 ปี จึงสามารถจับขายได้ และวิธีนี้หรือสามารถขายพันธุ์เพื่อจำหน่ายลูกหอย เหมือนกับการเลี้ยงตามธรรมชาติ ซึ่งราคาหอยแครงในท้องตลาดปัจจุบัน มีราคาอยู่ที่ กิโลกรัมละ 160 - 190 บาท ซึ่งถือว่ามีราคาที่ค่อนข้างสูงสำหรับผู้บริโภค
จึงเป็นอีกหนึ่งวิธีในการลดต้นทุนในการนำเข้าลูกหอยแครงจากต่างประเทศ และลดความเสี่ยงเรื่องปัจจัยทางธรรมชาติต่างๆ ช่วยทำให้ปริมาณการรอดของหอยแครงมากขึ้น และช่วยทำให้เพียงพอต่อความต้องการของตลาด หากวิธีนี้ประสบผลสำเร็จแล้ว ในอนาคตราคาหอยแครงกาจจะลดลงกว่านี้ ทำให้ผู้ที่บริโภคสามารถกินหอยแครงในราคาที่ย่อมเยา และช่วยให้ผู้ที่มีงบน้อยเข้าถึงได้ง่ายขึ้นอีกด้วย
🙇♂️ที่มาข้อมูลและรุปภาพ : https://mgronline.com/smes/detail/9640000028937?fbclid=IwAR1zX03ggg_XyMVIrdcHYOWjJ26PSNHw835zGixVvy-LA3r7TJPi24mc3qc
2,282 คน
ข่าวธุรกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
©2024 TaokaeCafe.com