ยาสมุนไพรไทย โตแรง ผู้ประกอบเร่งหาวัตถุดิบ เพื่อผลิตสู่ตลาด

ปัจจุบันตลาดยาแผนโบราณและยาสมุนไพรเติบโตทุกปี เฉลี่ยปีละ 10% แต่จากกระแสการตื่นตัวเรื่องโควิด ทำให้ผู้บริโภคจำนวนหนึ่งที่หันมาใช้ยาสมุนไพรมากขึ้น และส่งผลให้ยาเหล่านี้ได้รับการยอมรับมากขึ้น ทั้งในเรื่องสรรพคุณในการรักษาและมีความน่าเชื่อถือ จึงทำให้ตลาดยาแผนโบราณและยาสมุนไพรมีแนวโน้มจะเติบโตได้ในระยะยาว

มาวันนี้คงไม่มีใครปฏิเสธว่า ยาแผนโบราณที่มีมูลค่าตลาดรวมมากกว่า 10,000 ล้านบาท และหนึ่งในนั้นก็มีสมุนไพรไทย ที่ก้าวเข้ามามีบทบาทสำคัญในอุตสาหกรรมยาโดยรวม และการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่เกิดขึ้น บวกกับการศึกษาวิจัยของหลาย ๆ สถาบัน ในแง่ของคุณสมบัติในการช่วยยับยั้งไวรัส

ส่งผลให้ภาพรวมของตลาดยาแผนโบราณมีการเติบโตที่ดี โดยเฉพาะฟ้าทะลายโจร ที่ขณะนี้ดีมานด์สูงและสินค้าขาดตลาด สะท้อนจากทั้ง แบรนด์สุภาพโอสถ เองที่มีการขยายตัวสูง ทั้งฟ้าทะลายโจร หรือผลิตภัณฑ์สมุนไพรอื่น ๆ อาทิ กระชายขาว, กลุ่มยาแก้ไข้, ยารักษาโรคต่าง ๆ และการรับจ้างผลิตของโรงงานของบริษัทที่เติบโตมากขึ้น
สำหรับปีนี้ด้วยการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่รุนแรงขึ้น และคนหันมาหายาสมุนไพรมากขึ้น จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้การเติบโตเพิ่มขึ้นในระดับดับเบิลดิจิต หรือประมาณ 20%

ความต้องการที่เพิ่มขึ้น ส่งผลกระทบต่อตลาดสมุนไพรหลายมิติ อย่างแรกสมุนไพรยอดนิยม เช่น กระชายขาว และฟ้าทะลายโจร ขาดตลาด ทำให้ต้นทุนวัตถุดิบในการผลิตยาสมุนไพรปรับตัวสูงขึ้น อย่างฟ้าทะลายโจรที่ผ่านมาเคยจำหน่ายในราคา 70-80 บาทต่อกิโลกรัม (กก.) แต่ช่วงทำราคาสูงสุดเคยแตะ 300 บาทต่อกิโลกรัม(กก.)

ด้านรัฐบาลได้เร่งรัดส่งเสริมสมุนไพร โดยศักยภาพในการเป็นพืชเศรษฐกิจที่สร้างรายได้แก่ประเทศ ทุกวันนี้สมุนไพรถูกใช้เป็นวัตถุดิบในอุตสาหกรรม อาทิ อาหารและเครื่องดื่ม, เครื่องสำอาง, อาหารเสริม และยารักษาโรค ดังนั้นตลาดสมุนไพรจึงเป็นตลาดที่มีการเติบโตสูงอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่ปริมาณวัตถุดิบออกสู่ตลาดยังขึ้นกับเกษตรกรในการจัดสรรพื้นที่เพื่อเพาะปลูกด้วย แต่ละปีแตกต่างกันไป ซึ่งไม่สามารถคาดการณ์ปริมาณผลผลิตต่อปีได้ชัดเจน ผู้ประกอบการจึงแข่งขันสูงเพื่อหาวัตถุดิบมาผลิตยา ปัจจัยดังกล่าวยังส่งผลกระทบต่อต้นทุนของผู้ประกอบการให้ปรับตัวสูงขึ้นด้วย

เทรนด์ตลาดสมุนไพรไทยได้รับความนิยมในตลาดต่างประเทศมากขึ้น เมื่อลูกค้าประเทศออสเตรีย, สาธารณรัฐเช็ค, ลาว และเมียนมา มีคำสั่งซื้อเข้ามาเพิ่ม โดยระบุโปรดักส์ชัดเจน เช่น เมียนมา ต้องการขมิ้นชัน, สาธารณรัฐเช็ค ต้องการฟ้าทะลายโจร เป็นต้น

นับว่าเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับ SME ไทย สายยาสมุนไพร และเริ่มมีการพัฒนาสินค้าใหม่ ๆ ออกสู่ตลาด แถมยังสามารถส่งออกสู่ต่างประเทศได้อีกด้วย เราคงต้องจับตาดูกันต่อไปว่าจะโตขึ้นได้อีกแค่ไหน