3 Trick ปลุกไฟเฟซบุ๊ก โอกาสรุกที่ไม่ควรพลาด
เราอาจเคยได้ยินกันมาบ้างว่า “โซเชียลมีเดียอย่างเฟซบุ๊ก ตกยุคและไม่ค่อยสำคัญแล้ว เดี๋ยวนี้มีแต่คนแก่ที่เล่นกัน” แต่ความจริงคือ แม้รูปแบบการใช้งานโซเชียลมีเดียจะเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย มีโซเชียลมีเดียมาแรงผุดขึ้นมามากมาย บางรายเติบโตอย่างรวดเร็ว แต่เฟซบุ๊กก็ยังคงรั้งตำแหน่งโซเชียลมีเดียยอดนิยมที่สุดในโลก มีผู้ใช้มากกว่า 3 พันล้านคนต่อเดือน อีกทั้งกลุ่มผู้ใช้ก็หลากหลายกลุ่มช่วงอายุ ทั้งเพศหญิงและเพศชาย ไม่ได้จำเพาะแค่วัยเบบี้บูมเมอร์ แต่มีทั้งช่วงวัย 25-34, 35-44, 45-54 และ 55-64 ซึ่งทั้งหมดเป็นกลุ่มวัยที่มีรายได้และมั่นคงแล้ว
ที่มา : https://wearesocial.com/uk/blog/2023/10/digital-2023-october-global-statshot-report/
ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับความสำคัญของเฟซบุ๊กเกิดจากปัจจัยหลายอย่าง เช่น แบรนด์จำนวนมากเลิกโพสต์คอนเทนต์ฟรี เนื่องจากการเข้าถึงลดลง หันไปโฆษณาเสียเงินแทน แต่ธุรกิจหลายรายก็ยังคงทำกิจกรรมแบบออร์แกนิกหรือไม่เสียเงินบนเฟซบุ๊กควบคู่ไปกับโฆษณา ซึ่งก็ยังคงสร้างผลลัพธ์ที่ดี
การปลุกไฟเฟซบุ๊กให้ลุกอยู่เสมอ ในช่วงที่หลายแบรนด์มองผ่านคุณค่าของแพลตฟอร์มนี้ไปแล้ว คือโอกาสเชิงรุกของเราที่จะก้าวเหนือคู่แข่ง สิ่งสำคัญที่สุดคือ การใช้แพลตฟอร์มนี้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายขนาดใหญ่ หลากหลาย และสามารถเข้าถึงคนได้ทั่วโลก โดยยึดหลัก "Social First"
Social First หมายถึง การสร้างคอนเทนต์ที่สนุกสนานและให้สาระ ไม่เน้นขายของมากเกินไป เน้นแชร์คอนเทนต์แบบ Zero-Click และปรับตัวตามเทรนด์เฉพาะของเฟซบุ๊ก
สิ่งที่เราแชร์ควรจะสนุก ให้ข้อมูล เชื่อมโยง หรือเจาะลึก เกี่ยวกับวงการของเรา ความเชี่ยวชาญของเรา และสิ่งที่ลูกค้าสนใจ พูดอีกนัยหนึ่ง คือ สร้างความบันเทิงหรือให้ความรู้กับผู้เข้าชม และบอกโปรโมชันเป็นครั้งคราว เช่น Innocent Drinks แบรนด์เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพที่อังกฤษ โพสต์ฮา ๆ เกี่ยวกับน้ำผลไม้ ลูกค้า และข่าวสารบ้านเมืองอยู่บ่อย ๆ ตอนออกหลอดกระดาษแบบใหม่สำหรับน้ำผลไม้เด็ก โพสต์ว่า "หลังจากส่งคำขอโทษไปประมาณ 72,458,691 ล้านครั้งเรื่องหลอดดูดแบบเก่า เรามีความยินดีที่จะประกาศว่า ตอนนี้เรามีหลอดกระดาษสำหรับน้ำผลไม้เด็กแล้วนะ เห็นมั้ยล่ะ? พวกเราก็ฟังเสียงคุณบ้างเหมือนกัน แข็งแรงกว่า ทนทานกว่า แถมเจาะได้ดียิ่งกว่า ชีวิตช่างดีงาม" เป็นโพสต์ที่มีคนกดไลก์ถึง 3,500 มีคอมเมนต์ถึง 700 คอมเมนต์ และคนแชร์อีก 55 แชร์ กับการเล่นคำและใช้เฟซบุ๊กสร้างความบันเทิงให้ลูกค้า จนสร้างผลลัพธ์เป็นการมีส่วนร่วมอย่างมากมาย แม้กระทั่งในโพสต์ที่พูดถึงโปรโมชันของตัวเอง ก็หาทางทำให้สนุกหรือให้ความรู้ เพื่อเพิ่มโอกาสในการถูกโฟกัสบนเฟซบุ๊ก
หรือหน่วยงานแห่งหนึ่งที่มีงานที่ซีเรียส เข้าถึงยาก ร่วมทำคลิปสนุก ๆ กับครีเอเตอร์ ซึ่งทำให้คนสนุกสนานกับเนื้อหา และเข้าใจการทำงานของหน่วยงานมากขึ้น โดยเป็นโพสต์ที่มีคนกดไลก์ถึง 8,200 มีคอมเมนต์ถึง 464 คอมเมนต์ และการแชร์ถึง 9,500 แชร์
ที่มา : https://www.facebook.com/ETDA.Thailand/videos/351850166257832/
2. คอนเทนต์แบบจบในตัว ไม่ต้องมามัวคลิกต่อ
Zero-Click Content คือ โพสต์ที่ไม่มีลิงก์ เพื่อดึงดูดให้ผู้คนอยู่บนเฟซบุ๊ก และมอบข้อมูลที่มีค่าทั้งหมดไว้แค่ในโพสต์ ไม่ต้องคลิกต่อ ผู้อ่านก็เก็ตเนื้อหาทันที และใช้เวลาน้อยกว่าในการชมแบบไม่ต่อโหลดต่อในหน้าต่อไป โพสต์เหล่านี้จะทำให้ผู้คนใช้เวลาบนเฟซบุ๊กมากขึ้น เราก็จะได้รับโอกาสที่ผู้ใช้จะมองเห็นคอนเทนต์ของเรามากขึ้น เพราะผู้คนสามารถรับข้อมูลเชิงลึกได้สะดวก และอัลกอริทึมจะจัดอันดับคอนเทนต์ที่ดึงดูดผู้คนให้อยู่บนแพลตฟอร์มดี ไม่ว่าเราจะแชร์วิดีโอ รูปภาพ ข้อความ หรือผสมผสานทั้งสามรูปแบบ Zero-Click Content จะช่วยสร้างการมองเห็นให้กับเรา และสร้างความไว้วางใจต่อแบรนด์ในระยะยาว
3. คอนเทนต์ตามติดเทรนด์เฟซบุ๊ก
เราต้องหมั่นคอยอัปเดตว่า แบรนด์หรือสินค้าอื่น ๆ นิยมใช้รูปแบบ หัวข้อ และกลยุทธ์ที่ได้ผลสำหรับโพสต์หรือแคมเปญของเขาอย่างไร แล้วนำมาทดลองใช้ เช่น การโพสต์ข้อความล้วน ๆ บนพื้นหลังสีพื้น เพื่อถามคำถามตรง ๆ เพื่อให้ได้รับคอมเมนต์ซึ่งสร้าง engagement ที่มีส่วนร่วมของผู้ติดตาม เนื่องจากเป็นคำถามที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มเป้าหมาย
ที่มา : Spotify Thailand
**ว่าแล้วก็ลองใช้ 3 Trick นี้ดู ขณะหวนคืนสู่รากฐานโซเชียลมีเดียต้นตำรับ บางทีเฟซบุ๊กอาจมีโอกาสทองรออยู่!
ที่มา
Social Media Marketing Trends
DIGITAL 2023 OCTOBER GLOBAL STATSHOT REPORT
Innocent
ETDA Thailand
Spotify Thailand