ร้านอาหารรายย่อย ปรับตัวอย่างไรให้รอดในปีหน้า

จากผลกระทบของสถานการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา ทำให้การปรับตัวของร้านอาหารไม่ใช่ทางเลือกอีกต่อไป แต่กลายเป็นสิ่งที่เราต้องทำเท่านั้นถึงจะอยู่รอดได้
 
และพฤติกรรมของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ยิ่งตอกย้ำให้ทุก ๆ ร้านต้องปรับตัวเพื่อหาทางรอด แล้วเราจะต้องปรับตัวอย่างไร จะมาสรุปให้ดังนี้
 
1. มีสินค้าที่ขาย Delivery ได้ 

ปัจจุบัน ร้านอาหารเรามีสินค้าอยู่ 2 แบบคือ อาหารที่ขายในร้าน กับที่ขายใกล้ๆ ร้านแบบ Deliveryที่มีระยะการส่งไม่เกิน 5 กม. เท่านั้น ซึ่งหลังจากนี้เราต้องมีสินค้าที่สามารถส่งไปหาลูกค้าได้แบบไกล ๆ ได้ หมายถึง สามารถขายข้ามอำเภอ ขายข้ามจังหวัดได้
 
ฉะนั้นรูปแบบสินค้าจะต้องไม่ใช่รูปแบบเดิม ๆ มันอาจเป็นสินค้าแบบอาหารแห้ง อาหารแช่แข็ง เลยจะต้องมีการพัฒนาสินค้า วิธีเก็บรักษาแบบใหม่
 
 
2. ขายอาหารต้องมีกลยุทธ์ 

เราต้องพยายามดูโมเดลรูปแบบการขายใหม่ ๆ ทำแคมเปญการตลาดที่แปลกแตกต่าง การ Collaboration การเอาธุรกิจไปร่วมกับธุรกิจอื่น ๆ เพราะสินค้าจากคนละธุรกิจก็จะช่วยให้เรามีจุดเด่นหรือจุดแตกต่างจากคู่แข่งได้
 
 
3. ใช้วิชาตัวเบา

คำว่าวิชาตัวเบาในที่นี้ คือการที่เราไม่แบกทุกอย่างไว้กับตัวเราเอง แต่ก่อนเราจะคิดว่าถ้าทำการตลาดจะต้องมีทีมการทำการตลาดเอง ถ้าเราจะทำบัญชีเราก็ต้องมีพนักงานบัญชีเอง เราจะคิดเมนูเราก็ต้องจ้างเชฟมา แต่พอการมีแบบนั้นถ้าในวันที่สถานการณ์ปกติก็เป็นเรื่องที่เราสามารถรับผิดชอบค่าใช้จ่ายได้ แต่ในวันที่ยอดขายเราขึ้นลงอยู่ตลอดเวลา แต่ต้นทุนเราลงไม่ได้จะแย่เอา
 
ฉะนั้นสิ่งที่เราต้องทำคือแปลงต้นทุนที่มันคงที่ให้กลายเป็นต้นทุนผันแปร พอมันเป็นต้นทุนผันแปรหมายถึงว่า ช่วงนี้เราขายดีต้นทุนมันอาจสูงหน่อย แต่ในวันที่เราขายไม่ดีหรือเกิดสถานการณ์ที่ไม่คาดคิด ต้นทุนเราก็จะตกลงทันที ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะทำให้ตัวเราเบามากขึ้น คล่องแคล่วมากขึ้น
 
 
4. ขยายสาขาโดยไม่ต้องมีหน้าร้าน

หลายคนคงรู้อยู่แล้วว่าปัจจุบันมันมีรูปแบบ Cloud Kitchen ที่เพิ่มมากขึ้น แต่ในมุมที่เราบอกว่าไม่ต้องมีหน้าร้านอาจไม่ใช่แค่ Cloud Kitchen อย่างเดียว มันยังมีโมเดลของการฝากขาย อาจทำ Main Product เราไปฝากร้านอื่นขายแล้วแบ่ง GP หรือจะหาบุคคลธรรมดาที่อยากหาอาชีพเสริมเป็นคนช่วยเราขายก็ได้
 
ซึ่งเราจะแค่เพิ่มต้นทุนของสินค้า แต่เราไม่ต้องเพิ่มต้นทุนค่าเช่า ไม่ต้องเพิ่มต้นทุนพนักงาน ก็จะทำให้เราไปได้เร็ว กำไรอาจลดลงหน่อย แต่มันก็จะเพิ่มรายได้ให้กับธุรกิจเราได้
 
 
5. สร้างฐานลูกค้าประจำให้ได้

ในปีหน้าต้นทุนในการหาลูกค้าใหม่ ๆ จะสูงขึ้นเรื่อย ๆ ฉะนั้นสิ่งที่เราต้องทำคือ เราต้องต้องรู้ตัวตนของลูกค้าที่เข้าร้านเราให้ได้ ด้วยการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าหรือที่เราเรียกว่า CRM (Customer Relationship Management)
 
โดยอาจจะใช้ระบบสมาชิกเก็บสะสมแต้มเพื่อกระตุ้นให้กลับมาใช้บริการเรื่อย ๆ หรือใช้เครื่องมือในโซเซียลมีเดียที่มีอยู่แล้ว เช่น LINE OA หรือเดี๋ยวนี้ก็มีโปรแกรม CRM ที่สามารถให้ลูกค้าลงทะเบียนได้ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือมันต้องง่าย ไม่ซับซ้อน อย่าให้ลูกค้าพกเป็นแบบบัตร เพราะพฤติกรรมลูกค้าในสมัยนี้เค้าไม่พกบัตรกันแล้ว

 
แทนที่เราจะไปทำ Promotion ทั่วไปกับลูกค้าเต็มไปหมด เราก็เอา Promotion ตรงนี้เพื่อมาดึงดูดเฉพาะลูกค้าเก่าเราเพื่อเป็นการรักษาไม่ให้เค้าหายไปไหน

 
ไม่ว่าสถานการณ์ปีหน้าจะเป็นอย่างไร มีประกาศอะไรออกมาให้กระทบ หากเราวางแผน เตรียมความพร้อมไว้ก็จะช่วยลดอาการบาดเจ็บได้