3 ปัจจัยที่แบรนด์ไหน ก็หันมาเลือกใช้ Nano Influencer
Influencer หลาย ๆ คนคงคุ้นหูกับคำนี้กันอยู่แล้ว เพราะเรามักจะเห็นกลุ่มคนนี้อยู่คู่กับสินค้าของแบรนด์ต่างๆอยู่เป็นประจำ โดยจุดประสงค์ที่สำคัญของแบรนด์ในการเลือกใช้ Influencer ในการทำการตลาดก็เพื่อเป็นการโปรโมตสินค้าให้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น ผ่านบุคคลที่มีชื่อเสียงในโลกออนไลน์ ซึ่งถือว่าเป็นวิธีที่ค่อนข้างได้ผลดีทีเดียวในช่วงเวลาที่ผ่านมา.
แต่ว่า Influencer ก็ถูกแบ่งย่อยลงไปอีกตามจำนวนผู้ติดตาม มีตั้งแต่ระดับล่างสุดที่มีกลุ่มคนติดตามอยู่พันกว่าคน ถึงหมื่นต้นๆเท่านั้น และในระดับบนสุดที่เรียกว่า Mega Influencer ที่ยอดผู้ติดตามต้องทะลุ 1 ล้านขึ้นไป เมื่อถูกแบ่งย่อยตามจำนวนผู้ติดตามแบบนี้ มันก็จะมาพร้อมกับระดับราคาที่แตกต่างกันออกไป รวมถึงเรื่องของกลยุทธ์ทางการตลาดของแต่ละแบรนด์ด้วย แน่นอนว่ากลุ่มที่ได้ผลมากที่สุดของหนีไม่พ้นกลุ่มระดับบนๆ อย่าง Mega Influencer หรือ Macro Influencer ก็ดี แต่ต้องยอมอย่างนึงว่าในทุกวันนี้หลาย ๆปัจจัยส่งผลให้แบรนด์ต่างๆ เริ่มมองหา Influencer ระดับล่างมากขึ้น หรือที่เราเรียกกันว่า Nano Influencer
Nano Influencer คือ กลุ่มที่มีจำนวนมากที่สุด แต่มีฐานผู้ติดตามน้อยที่สุดตามที่ได้เกริ่นไว้ข้างต้น แต่ในทุกวันนี้แบรนด์ต่างๆเริ่มหันเหมาใช้บริการกลุ่มนี้เป็นจำนวนมาก ด้วยเทรนด์ที่เริ่มเปลี่ยนไปจากที่เมื่อก่อนเราเห็นคนมีชื่อเสียงมารีวิวสินค้า เราก็จะคิดไปทันทีว่าสินค้าตัวนี้ต้องดีมาก แต่ในปัจจุบันการที่เราได้เห็นรีวิวจากคนรู้จัก ที่อาจจะไม่ได้มีชื่อเสียงมากมาย แต่เรามีความใกล้ชิดกับเขามากกว่า อาจจะทำให้เราตัดสินใจซื้อมาทดลองใช้ตามได้ไม่ยาก
เพราะพฤติกรรมผู้บริโภคที่ค่อยเปลี่ยนไป จากที่เมื่อก่อนแค่เห็นรีวิวว่าดี ก็เชื่อไปแล้วว่าดี แต่ในตอนนี้ผู้บริโภคต้องการมากกว่านั้น ถึงไม่ได้ทดลองใช้เองก่อนซื้อ แต่ก็ขอให้ได้เล่นการทดลองใช้ผ่าน Nano Influencer สักคน ที่คนนั้นอาจจะเป็นคนที่เรารู้จักอยู่แล้วยิ่งดีเข้าไปใหญ่ และยิ่งในทุกวันนี้หลาย ๆแพลตฟอร์มบนโลกออนไลน์เริ่มปิดกั้นการมองเห็นของการขายสินค้า หรือรีวิวสิ้นค้ากันมากขึ้น แต่กลุ่ม Nano Influencer จะเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบเรื่องการปิดกั้นการมองเห็นน้อยที่สุด นี้ยังไม่ได้พูดถึงเรื่องราคา ที่ถ้ามองไปยังกลุ่มผู้ติดตามของกลุ่มนี้ ก็จะเข้าใจได้ทันที่ว่าราคาอยู่ในระดับไหน
พูดมาเกือบทั้งหมด ก็คงจะมี 3 ปัจจัยที่ส่งผลให้แบรนด์หันมาเลือกใช้ Nano Influencer กันอยู่บ้าง ที่นี้เรามาลองดูปัจจัยจริงๆ ของการเลือกใช้ Influencer กลุ่มนี้กัน
1. กลุ่ม Nano Influencer ส่วนใหญ่มาจากลูกค้าจริง ๆ
หลายๆครั้งที่เกิดการรีวิวจาก Influencer กลุ่มนี้โดยที่แบรนด์ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการติดต่อจ้างงานรีวิวใด ๆ เพราะพื้นฐานส่วนใหญ่ของกลุ่มนี้ คือผู้ใช้งานจริงๆ ได้รับประสบการณ์ตรงจากสินค้า และนำมารีวิวให้คนอื่นได้รับรู้ เรามักจะเห็นบ่อยในโลกออนไลน์ ซึ่งตัวแบรนด์ควรคว้าโอกาสที่ดีนี้ไว้ในการสร้างสัมพันธ์ที่ดีกับคนกลุ่มนี้ ซึ่งมันอาจจะเกิดผลดีกับแบรนด์ได้ในระยะยาว
2. ความเห็นที่จริงใจ ส่วนใหญ่มาจาก Nano Influencer
วิธีการใช้งาน Nano Influencer มีหลากหลายวิธี แต่วิธีที่ได้รับความนิยมมากที่สุดจากแบรนด์คือการส่ง Product Sampling หรือการส่งสินค้าให้ทดลองใช้แบบฟรี ๆ แลกกับการส่งต่อความเห็น ข้อแนะนำเกี่ยวกับสินค้ากลับมา ซึ่งความเห็นเหล่านี้ถือว่าค่อนข้างมีคุณค่ากับตัวแบรนด์ ในการนำไปพัฒนาต่อยอด หรือนำไปสร้างคอนเทนต์ดีดี จากการทดลองใช้ของ Nano Influencer ได้อีก
3. Social Proof ต้องใช้ Nano Influencer
Social Proof คือการพิสูจน์แนวคิดบางอย่างที่มันจะช่วยให้แบรนด์ดูน่าเชื่อถือในสายตาของลูกค้ามากขึ้น เช่นหากแบรนด์ต้องการตอกย้ำจุดยืนของแบรนด์ หรือความเชื่ออะไรบางอย่าง การเลือก Nano Influencer ที่เหมาะกับสินค้าสักคน จะช่วยให้การทำ Social Proof ประสบผลได้มากเลยทีเดียว
และทั้งหมดที่กล่าวไป ก็คงพอเป็นบทสรุปได้ว่าทำไมแบรนด์ในปัจจุบันถึงหันมาใช้ Nano Influencer กันมากขึ้น ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นก็คงไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่ หากอยู่ที่ว่าเจ้าของแบรนด์รู้ว่าควรจะใช้ Influencer กลุ่มไหนอยู่แล้ว นี้อาจจะเป็นแค่ตัวเลือกที่ดีตัวหนึ่งก็ได้
สำหรับวันนี้ก็หวังว่าผู้ที่ติดตามมาจนถึงตอนนี้จะได้อะไรติดไม้ติดมือกลับไปบ้าง แล้วพบกันใหม่โอกาสหน้า ขอบคุณ และสวัสดีครับ