เทคนิคตั้งราคาเชิงจิตวิทยา ทำให้ลูกค้าซื้อของเยอะขึ้น
ขายของแพงไม่สู้ขายได้จำนวนเยอะ กำไรดีกว่า ยั่งยืนกว่า การตั้งราคาที่จะช่วยเพิ่มยอดขายทำรายได้ให้กับร้าน ซึ่งมีมากมายหลายวิธีที่จะทำให้ลูกค้าซื้อของของคุณเพิ่มมากขึ้น หนึ่งในวิธีที่บริษัทระดับโลกใช้กันคือ Decoy Pricing การตั้งราคาในเชิงจิตวิทยานั่นเอง
1. กลยุทธ์การตั้งราคาแบบหลอกล่อ
โดยส่วนมากจะเป็นการตั้งราคาสินค้าอย่างเดียวกัน 3 ราคา เช่น
แบบ A ขนม 1 ชิ้นราคา 50 บาท
แบบ B ขนม 2 ชิ้นราคา 80 บาท
แบบ C ขนม 3 ชิ้นราคา 100 บาท
แน่นอนว่าลูกค้าอยากจะเลือกซื้อ แบบ C เพราะมีความรู้สึกว่าคุ้มกว่า ซึ่งแบบ A และ B คือการตั้งราคาไว้เพื่อหลอกล่อ เพื่อให้เกิดการเปรียบเทียบให้ไปซื้อในราคาและจำนวนที่ผู้ขายต้องการ
2. การรวมหลายสินค้าเข้าด้วยกัน
เป็นการจัดแพ็กสินค้าให้เข้าชุด หรือทำโปรโมชั่นลดราคาร่วมด้วย เช่น จัดรวมสินค้าสำหรับฤดูฝน ร่ม เสื้อกันฝน รองเท้าแตะ ถุงซิบล็อกกันน้ำ ไฟฉาย ฯลฯ การรวมกลุ่มแบบนี้อาจทำให้ให้สินค้าบางตัวที่ขายไม่ค่อยได้ในเวลาปกติก็มีโอกาสขายง่ายขึ้น รวมทั้งทำให้ผู้บริโภคยอมจ่ายเพิ่มมากขึ้นเพื่อให้ได้สินค้าที่มากขึ้น และรู้สึกว่าคุ้มค่ากว่า
3. กลยุทธ์ทอดสมอของ
คือการวางสินค้าที่คล้ายกัน ไว้ข้างกัน เช่น เสื้อยืดราคา 150 บาท ขายไม่ค่อยได้ เลยนำเสื้อยืดที่หน้าตาคล้ายกัน ราคา 200 บาท มาวางข้างกันเพื่อให้เสื้อ 150 ขายได้ง่ายขึ้นนั่นเอง
4. กลยุทธ์เลข 9 ชนะตลอดกาล
เพราะด้วยสมองคนเราเวลาอ่านราคาเอามักจะอ่านจากซ้ายไปขวา ดังนั้นการตั้งราคา 39 กับ 40 ต่างกันแค่บาทเดียว ทุกคนรู้ดี แต่ในแง่จิตวิทยาส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อไม่ใช่น้อยเพราะราคาที่ขึ้นต้นด้วย 3 ดูเหมือนจะขายดีกว่าราคาที่เริ่มต้นด้วย 4
วิธีปรับใช้กลยุทธ์ Decoy Pricing ให้ได้ผล
1. กำหนดสินค้า ที่ต้องการเพิ่มยอดขาย ซึ่งควรเป็นสินค้าที่ทำกำไรได้ดี
2. ทำสินค้านั้นให้มี value และประโยชน์ที่จะคุ้มค่าต่อการซื้อ
3. การเปรียบเทียบราคาที่เหมาะสมควรมีแค่ 3 ราคาเท่านั้น
4. การตั้งราคาล่อไม่ควรให้ต่างจากราคาจริงมากนัก
กลยุทธ์ที่ช่วยให้การตลาดดีขึ้น ต้องประกอบด้วยอีกหลายปัจจัยที่จะทำให้ลูกค้ายอมจ่ายไม่ว่าจะเป็นเรื่องคุณภาพหรือการบริการด้วย