ส่องเทรนด์ ‘ซื้อสินค้าออนไลน์’ ในอีก 4 ปีข้างหน้า 2568

เมื่อวันที่ 3 เมษายนที่ผ่านมา ถือเป็นวันครบรอบ 1 ปีของการล็อกดาวน์ในประเทศไทย จากวิกฤติการณ์สถานการณ์ในช่วงนี้ และมาตรการการเว้นระยะห่างทางสังคมด้วยการอยู่บ้าน เพื่อช่วยลดการแพร่กระจายของเชื้อ ทำให้คนจำนวนมากพึ่งพา🛵บริการขนส่งและอีคอมเมิร์ซ เพื่อจับจ่ายสินค้าประเภทอาหาร ยารักษาโรค และของใช้ในชีวิตประจำวัน
 
โดยข้อมูลจากบริษัทวิจัยการตลาดระดับโลกอย่าง NielsenIQ รายงานว่า แต่ละครัวเรือนมีการซื้อสินค้าออนไลน์เพิ่มขึ้นถึง 58% ในช่วงที่เกิดการระบาด ซึ่งส่งผลให้ความสำคัญของธุรกิจขนส่งและธุรกิจอีคอมเมิร์ชในประเทศไทยเพิ่มขึ้นอย่างมาก เน้นย้ำให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงที่สามารถเกิดขึ้นได้ในช่วงระยะเวลาอันสั้น
 
ส่งผลให้ธุรกิจต่าง ๆ ต้องปรับตัว แม้การซื้อสินค้าออนไลน์และการเปิดรับโลกดิจิทัลจะมีมาก่อนหน้านั้น แต่สถานการณ์ที่เกิดขึ้นก็ตอกย้ำว่าการปรับตัวให้เข้าสู่ยุคดิจิทัลเป็นสิ่งที่ทุกธุรกิจต้องทำ ไม่ใช่แค่ถ้าทำได้ก็ดี อีกทั้งยังเป็นการเปลี่ยนพฤติกรรมผู้บริโภคในการช้อปออนไลน์ไปอย่างสิ้นเชิง📦
 
แล้ว ‘ช้อปออนไลน์’ 🛍 จะเปลี่ยนไปอย่างไร? ในอีก 4 ปีข้างหน้า
 
ด้วยความที่เทคโนโลยีในปัจจุบันพัฒนาไปไกลอย่างก้าวกระโดด ส่งผลให้ในปี 2568  เทรนด์ซื้อของออนไลน์เพิ่มสูงขึ้น ดังนั้นธุรกิจ e-Commerce จึงต้องสร้างความแตกต่างให้กลายเป็นจุดเด่น ด้วยการเพิ่มประสบการณ์แปลกใหม่ เพื่อสร้างความน่าตื่นตาตื่นใจ ดึงดูดนักช้อปให้รู้สึกอยากซื้ออยากลองสินค้าบริการมากขึ้น อนาคตจะมีบริการอะไรใหม่ ๆ มารองรับบ้าง มาดูกัน
 
1. เลือกสินค้าด้วยเสียง🎤
แพลตฟอร์ม e-Commerce อนาคต จะเริ่มมีฟังก์ชัน Voice Commerce โดยใช้ voice AI จับคลื่นเสียง ช่วยเลือกลิสต์สินค้า
 
2. ระบบการจ่ายเงิน💳
ชำระเงินปลอดภัย ด้วยเทคโนโลยี Biometric Authentication เช่น สแกนม่านตา, อ่านคลื่นเสียง ใช้ยืนยันคำสั่งซื้อ
 
3. ลองสินค้าด้วย AR/VR📲
ลองสินค้าก่อนสั่งซื้อได้ ด้วยเทคโนโลยี AR/VR เช่น ลองเสื้อผ้า แค่เปิดกล้องสมาร์ทโฟนขึ้นมาส่อง เหมือนได้ลองสวมใส่จริง
 
4. ระบบติดตามของ📑
การติดตามพัสดุจะยิ่งละเอียดขึ้น ด้วย IoT Sensor ที่จะถูกติดไปกับกล่องพัสดุ แทนการใช้แค่ Tracking Number
 
5. เดลิเวอรี่รูปแบบใหม่🚚
การจัดส่งด้วย Automated Shipping เช่น โดรนส่งของหรือรถยนต์ไร้คนขับ ทำงานได้ 24 ชั่วโมง ได้ของเร็วยิ่งขึ้น